Saturday, April 27, 2013

คัดเลือกซุปเปอร์บอร์ด กสทช.วุ่น! พันธ์ศักดิ์ยื่นฟ้องปธ.วุฒิฯ

คัดเลือกซุปเปอร์บอร์ด กสทช.วุ่น! พันธ์ศักดิ์ยื่นฟ้องปธ.วุฒิฯ
“พันธ์ศักดิ์ จันทร์ปัญญา ผู้สมัครคัดเลือกซุปเปอร์บอร์ด กสทช. ยื่นฟ้อง ปธ.วุฒิสภา ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอคุ้มครองชั่วคราว กรณี นายประเสริฐ อภิปุญญา ซุปเปอร์บอร์ด ด้านคุ้มครองผู้บริโภค มีคุณสมบัติต้องห้าม...เมื่อวันที่ 26 เม.ย. นายพันธ์ศักดิ์ จันทร์ปัญญา อดีตที่ปรึกษากิตติมศักดิ์คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และผู้สมัครคัดเลือกกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 70 หรือซุปเปอร์บอร์ด กสทช. ด้านคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า วันนี้เดินทางไปยังศาลปกครองกลาง พร้อมทนายความ เพื่อขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว กรณีนายประเสริฐ อภิปุญญา ซุปเปอร์บอร์ด กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภค มีคุณสมบัติต้องห้าม  นายพันธ์ศักดิ์ จันทร์ปัญญาผู้สมัครคัดเลือกซุปเปอร์บอร์ด กสทช. ด้านคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวต่อว่า ประเด็นที่จะยื่นฟ้องร้องในครั้งนี้ เนื่องจากส่วนตัวได้สอบถามไปยังสำนักงาน กสทช. แล้วทราบว่า ทางสำนักงาน กสทช.ยังไม่ได้เซ็นอนุมัติให้นายประเสริฐลาออกจากตำแหน่งรองเลขาธิการ กสทช. ตามที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กำหนดให้ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นซุปเปอร์บอร์ด กสทช. ต้องลาออกจากทุกตำแหน่งภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. ซึ่งครบกำหนดเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา และส่วนตัวไม่ทราบสาเหตุดังกล่าว “ขณะนี้ มีความสงสัยว่านายประเสริฐอยู่ในตำแหน่งใดระหว่างรองเลขาธิการ กสทช. หรือซุปเปอร์บอร์ด กสทช. ซึ่งการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองในวันนี้ หากศาลบอกสถานะว่านายประเสริฐเป็นรองเลขาธิการ ก็จะต้องสรรหาใหม่ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน  แต่หากว่าศาลรับรองการเป็นซุปเปอร์บอร์ด ก็สามารถทำงานต่อได้” นายพันธ์ศักดิ์ กล่าว ด้านนายสุกฤษฎิ์ กิตติศรีวรพันธ์ ทนายความของนายพันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้ จะยื่นฟ้อง นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานพิจารณาคัดเลือกซุปเปอร์บอร์ด กสทช. กรณีละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 9 วรรคแรก (2) ของ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542  นายประเสริฐ อภิปุญญาขณะที่ นายประเสริฐ อภิปุญญา กล่าวว่า ยืนยันว่า ที่ผ่านมาทำตามขั้นตอนทุกอย่างอย่างถูกต้อง ต่อข้อถามถึงข้อเท็จจริงกรณีที่สำนักงาน กสทช. ยังไม่ได้เซ็นอนุมัติการลาออกนั้น นายประเสริฐ ระบุว่า ยังไม่มีความเห็นแต่อย่างใด และขอให้ทุกขั้นตอนดำเนินการไปตามกระบวนการทางกฎหมายผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประเสริฐเดิมอยู่ในตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่รองเลขาธิการ กสทช. และเลขานุการ กสท. ซึ่งยังไม่ได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งรองเลขาธิการ กสทช. อย่างเป็นทางการ.

ปิดตำนาน CAT CDMA หลังเที่ยงคืนวันนี้!

ปิดตำนาน CAT CDMA หลังเที่ยงคืนวันนี้!
“กิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ” ซีอีโอ กสท เผยการยุติการให้บริการ CAT CDMA ภายในเที่ยงคืน เพื่อก้าวสู่เทคโนโลยี HSPA ที่ดีที่สุด ย้ำผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้บริการ my...เมื่อวันที่ 26 เม.ย. นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT กล่าวว่า กสท จะเปลี่ยนเทคโนโลยีการให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ CDMA โดยจะยุติการให้บริการ CAT CDMA ภายในเที่ยงคืนวันนี้ ซึ่งหลังจากนี้ ผู้ใช้ CAT CDMA จะไม่สามารถใช้บริการในระบบ CDMA ได้อีกต่อไป โดยผู้ใช้สามารถเปลี่ยนไปใช้บริการ my ระบบ HSPA ซึ่งเป็นบริการในระบบใหม่ และเป็น 3G ที่ดีที่สุด รายแรกของประเทศไทย เนื่องจากเป็นเน็ตเวิร์กที่ดีที่สุด และกำลังพัฒนาให้ดีที่สุดต่อไปกรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท กล่าวต่อว่า หลังจากคืนนี้ ลูกค้าสามารถโอนย้ายมาใช้บริการ my โดยใช้หมายเลขเดิมได้ พร้อมส่วนลดค่าเครื่อง ค่าบริการ และโบนัสใช้งานฟรี ทั่วประเทศ ภายในวันที่ 30 เมษายนนี้ และโอนย้ายมาใช้บริการ TruemoveH ในระบบ HSPA+ โดยติดต่อ True Shop แต่ผู้ใช้ CAT CDMA จะไม่สามารถใช้อุปกรณ์ CAT CDMA ที่ใช้อยู่เดิมได้ จะต้องเปลี่ยนเครื่องเป็นอุปกรณ์ที่รองรับ 3G WCDMA/HSPA 850MHz เท่านั้น โดยสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับ คือ การบริการที่ครอบคลุมกว่าระบบ CDMA และการพัฒนาระบบที่ต่อเนื่องมากกว่า เนื่องจาก ระบบ CDMA เดิม จะแยกระหว่างส่วนกลางกับภูมิภาค แต่ครั้งนี้จะเชื่อมโยงระหว่างส่วนกลางและภูมิภาค นอกจากนี้ ยังทำร่วมกับกลุ่มทรู ซึ่งจะทำให้เกิดความสมบูรณ์มากกว่า“หลังจากเที่ยงคืนนี้ เทคโนโลยีระบบ CDMA จะถูกปรับเปลี่ยน ซึ่งการโยกย้ายปรับเปลี่ยนเป็นเรื่องที่ดี และอยากเชิญชวนผู้ใช้ มาใช้บริการบริการ my ระบบ HSPA เพราะแนวโน้มของเทคโนโลยีในอนาคตจะมีการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น” นายกิตติศักดิ์ กล่าว

เอชพีออกพอร์ทโฟลิโอเทป ชูเทคโนโลยีใหม่ใช้ต้นทุนต่ำ

เอชพีออกพอร์ทโฟลิโอเทป ชูเทคโนโลยีใหม่ใช้ต้นทุนต่ำ
เอชพี เผยโฉมนวัตกรรมพอร์ทโฟลิโอเทป จัดเก็บข้อมูล “HP StoreEver” สนับสนุนเทคโนโลยี LTO-6 ชูจุดเด่นเพิ่มสมรรถนะ ความเร็ว และความสามารถในการปรับขยายระบบ พร้อมลดต้นทุนต่อกิกะไบต์...เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด หรือเอชพี ได้เปิดตัวพอร์ทโฟลิโอเทป จัดเก็บข้อมูล HP StoreEver ใหม่ ซึ่งสนับสนุนเทคโนโลยี Linear Tape-Open เจเนอเรชั่นที่ 6 (LTO-6) ให้สมรรถนะการจัดเก็บข้อมูลเพิ่มขึ้น 2 เท่า และมีความเร็วเพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับเทคโนโลยี LTO-5 ที่มีพื้นที่การใช้งานโดยใช้เทคโนโลยีการบีบอัดข้อมูลขนาดเดียวกันทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูล HP StoreEver คือ พอร์ทโฟลิโอระบบจัดเก็บข้อมูลแบบเทปที่ครอบคลุมกว้างขวางมากที่สุดในอุตสาหกรรมไอที โดยผนวกนวัตกรรมโซลูชั่นและเทคโนโลยีชั้นนำของเอชพีเข้าไว้ด้วยกัน อาทิ ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีเทปจัดเก็บข้อมูลที่มา พร้อมโซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลแบบผนวกของเอชพี หรือ HP Converged Storage ทั้งยังมีโซลูชั่น HP Data Protector และซอฟต์แวร์สำรองข้อมูลของผู้ผลิตชั้นนำรายอื่นๆ มาพร้อมกับเทคโนโลยี LTO-6 ใหม่ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูล HP StoreEver สามารถปกป้องและรักษาข้อมูลได้อย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว ด้วยรูปแบบที่ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานในทุกสภาวะแวดล้อมนอกจากนี้ ยังมีความโดดเด่นในการปรับขยายระบบความเร็ว สมรรถนะ และโครงสร้างต้นทุนต่ำ ทำให้ผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูล HP StoreEver เป็นโซลูชั่นจัดเก็บข้อมูลสำหรับองค์กรต่างๆ ที่ต้องรับมือกับบิ๊กดาต้า ซึ่งเป็นความท้าทายในปัจจุบัน เนื่องจากพอร์ทโฟลิโออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล HP StoreEver มาพร้อมกับเทคโนโลยี LTO-6 มุ่งขับเคลื่อนลูกค้าระดับองค์กรให้มีโอกาสในการแข่งขันเพิ่มขึ้นด้วยฟีเจอร์ ได้แก่ สมรรถนะการจัดเก็บข้อมูลสูงมากถึง 6.25 เทราไบต์บนเทปคาร์ทริดจ์แบบ LTO-6 บีบอัดข้อมูลได้ถึง 2.5:1 มีความเร็วในการบีบอัดข้อมูลสูงถึง 400 เมกะไบต์ต่อวินาที หรือ 1.4 เทราไบต์ต่อชั่วโมง สามารถปรับขยายสมรรถนะการจัดเก็บข้อมูลและการสำรองข้อมูลอย่างไรก็ตาม อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล HP StoreEver Single Tape Drive มีความจุถึง 6.25 เทราไบต์ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล HP StoreEver LTO-6 Tape Autoloader ความจุ 50 เทราไบต์ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล HP StoreEver Mid-Range Tape Library มีความจุ 600 เทราไบต์ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล HP StoreEver Enterprise Tape Library มีความจุถึง 44 เพตาไบต์ ทั้งยังมีต้นทุนต่อ 1 กิกะไบต์ ต่ำกว่า 1 บาท ขณะเดียวกัน ยังเป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะเทคโนโลยี LTO คือ ระบบจัดเก็บข้อมูลแบบออฟไลน์ ที่ไม่ต้องมีการเชื่อมต่อกับเครือข่าย จึงช่วยลดต้นทุนต่อกิกะไบต์ และต้นทุนในการเป็นเจ้าของทั้งหมด ทั้งยังทนทาน เพราะเทปที่ใช้จัดเก็บข้อมูลเป็นระบบบันทึกข้อมูลแบบแม่เหล็ก ที่มีความทนทานนานกว่าแผ่นดิสก์ นอกจากนี้ เทปคาร์ทริดจ์แบบ LTO-6 มีอายุการใช้งานนานถึง 30 ปี รองรับการเก็บรักษาข้อมูลในระยะยาวได้.

Wednesday, April 24, 2013

ฟันธง! นิยามสื่อบริการสาธารณะไทย ไม่ตรงกับคำนิยามสากล

ฟันธง! นิยามสื่อบริการสาธารณะไทย ไม่ตรงกับคำนิยามสากล
นักวิชาการ ฟันธง นิยามสื่อบริการสาธารณะของประเทศไทย ต่างจากคำนิยามของสากลโดยสิ้นเชิง ขณะที่ อ.คณะนิเทศศาสตร์ ม.หอการค้า ชี้ ความหมายทีวีบริการสาธารณะ ผิดจากเดิม เปรียบเสมือน ปชช.เป็นผู้รับบริการ ไม่มีสิทธิ์ออกเสียง เพราะฉะนั้นอย่ามายุ่ง... เมื่อวันที่ 24 เม.ย. นายมานะ ตรีรยาภิวัฒน์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวในงานสัมมนาวิชาการ เรื่องทีวีดิจิตอล...จุดเปลี่ยนประเทศไทย ตอน ทีวีสาธารณะ จัดโดย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่า คำว่า ทีวีสาธารณะใจความสำคัญหลักใหญ่ คือ ต้องการเปิดพื้นที่สาธารณะให้ประชาชนทุกคน ที่ไม่มีสิทธิ์จะพูดกับสื่อ ได้มีโอกาสได้พูด เล่า และนำเสนอข้อเท็จจริง เนื่องจากที่ผ่านมา คนที่ต้องการใช้พื้นที่ในสื่อ ต้องทำสิ่งในที่รุนแรง เพื่อเรียกร้องความสนใจผ่านสื่อในเรื่องกระบวนการเป็นประชาธิปไตย อาจารย์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวต่อว่า คำถามเกี่ยวกับทีวีสาธารณะ คือ ผู้ถือครองยังเป็นแบบเดิมหรือไม่ คำว่า ความมั่นคง เป็นความมั่นคงของใคร คำว่า รัฐ เป็นรัฐแบบไหน และประชาชนมีสิทธิ์มีเสียงจะบอกเล่าหรือไม่ ส่วนคำว่า ทีวีบริการสาธารณะ คือ การบริการสาธารณะซึ่งผิดไปจากเดิม เพราะนั่นหมายความว่า ประชาชนเป็นผู้รับบริการ ไม่มีสิทธิ์มีเสียง เพราะฉะนั้นประชาชนอย่ามายุ่งนายนันทวัฒน์ บรมานันท์ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า บริการสาธารณะเป็นคำศัพท์ทางกฎหมายมหาชน ในทางทฤษฎีต้องตอบสนอง 2 เรื่อง ได้แก่ 1. ยึดโยงกับรัฐ และ 2. ตอบสนองความต้องการของประชาชน ซึ่งประเด็นสำคัญ คือ ทำอย่างไรทีวีแต่ละช่องจะมีเนื้อหาที่น่าสนใจและตอบสนองคนดูที่เป็นประชาชน ส่วนนิยามการไม่แสวงหากำไร หรือการไม่เน้นกำไร พ.ศ.2542 มีการตั้งหน่วยงานองค์การมหาชน เพราะรัฐต้องการตั้งหน่วยงานเพื่อจัดทำบริการสาธารณะที่ต่างจากรัฐวิสาหกิจที่มุ่งหากำไร ดังนั้น การใช้ดุลพินิจของ กสทช. ควรออกประกาศหลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด และต้องดำเนินการให้หลุดพ้นข้อครหาของตัวเอง เพื่อความรอบคอบและเป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติและรัฐ และต้องมีเกณฑ์ที่ชัดเจนโดยไม่ใช่ดุลพินิจ นางสาวพิรงรอง รามสูต รณะนันทน์ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การเปลี่ยนผ่านระบบทีวีจากอะนาล็อกมาสู่ดิจิตอล จะก่อให้เกิดการแข่งขันแบบใหม่ ที่สามารถเปิดให้หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงได้หลายช่องทางขึ้น ซึ่งแตกต่างจากระบบอะนาล็อกที่แหล่งรายได้จะอยู่ที่สถานีโทรทัศน์ อาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวต่อว่า นิยามและความหมายตามทฤษฎีและที่ปฏิบัติกันในระดับสากลคำว่า ทีวีสาธารณะ หมายถึง การกระจายเสียงแพร่สาธารณะ Public Service Broadcasting (PSB) ซึ่งต้องมีบริการพื้นฐาน คือ ทุกคนต้องเข้าถึงได้ มีความเป็นสาธารณะไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของประเทศ และเน้นความหลากหลาย แต่ที่ผ่านมาการดำเนินการของ กสทช. และการกำหนดนิยาม สามารถฟันธงได้ว่า นิยามสื่อบริการสาธารณะไทย ต่างจากคำนิยามของสากลโดยสิ้นเชิง นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสทช. และกรรมการด้านกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) กล่าวว่า จากเวทีครั้งนี้ จะรวบรวมและสรุปก่อนนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ กสท.เพื่อขอให้ทบทวนเรื่องเกณฑ์การคัดเลือกทีวีดิจิตอลสาธารณะ หรือ บิวตี้คอนเทส (Beauty Contest) ในวันที่ 29 เม.ย.นี้ 

แบล็กเบอร์รี่หงอย เปิดตัว Z10 ไม่คึกคัก

แบล็กเบอร์รี่หงอย เปิดตัว Z10 ไม่คึกคัก
แบล็กเบอร์รี่ เปิดตัวสมาร์ทโฟรรุ่นล่าสุด Z10 ในไทยอย่างเป็นทางการวันนี้ พบบรรยากาศไม่คึกคัก ทั้ง 2 สถานที่จัดงาน ค่ายมือถือช่วยโปรโมทแจกของแถม แพ็กเกจ โปรโมชั่นเพียบ...เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ภายหลัง แบล็กเบอร์รี่ ผู้ผลิตและจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ตระกูลแบล็กเบอร์รี่ ได้ประกาศวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด Z10 อย่างเป็นทางการในประเทศไทยในวันนี้ โดยล่าสุดได้จัดกิจกรรมแบล็กเบอร์รี่ เอ็กซ์พีเรียนซ์ เซ็นเตอร์ (BlackBerry Experience Center) บริเวณชั้น 2 สยามเซ็นเตอร์ และฉลองการวางจำหน่ายวันแรกด้วยกิจกรรม Z10 Activation Zone บริเวณชั้น 1 สยามพารากอน เพื่อจำหน่ายและเชิญชวนให้ผู้สนใจมาทดลองสมาร์ทโฟน Z10 ได้ภายในสถานที่จัดงานทั้ง 2 แห่งดังกล่าวสำหรับกิจกรรม Z10 Activation Zone นั้น แบล็กเบอร์รี่ ร่วมมือกับพันธมิตรผู้ให้บริการเครือข่าย (โอเปอเรเตอร์) ทั้งเอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟ เอช รวมทั้งตัวแทนจำหน่ายเจย์มาร์ท ทีจีโฟน และพีเอ็มเทเลคอม ให้ผู้บริโภคได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์แบล็กเบอร์รี่ Z10 พร้อมโปรโมชั่นพิเศษซื้อเครื่อง 0% และสมัครใช้บริการแพ็กเกจในราคาพิเศษ รวมทั้งร่วมสนุกกับกิจกรรมและเกม ลุ้นรับของรางวัล โดยผู้ซื้อแบล็กเบอร์รี่ Z10 ภายในงานเปิดตัว จะได้รับฟรี แฟลชไดรฟ์ Z10 และที่ชาร์จแบตสำรอง Power Bankทั้งนี้ แบล็กเบอร์รี่ Z10 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของแบล็กเบอร์รี่ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 10 ปรากฏการณ์ใหม่แห่งดีไซน์และนวัตกรรมของแบล็กเบอร์รี่แพลตฟอร์ม ที่จะมาเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานบีบีด้วย Blackberry Flow การเชื่อมต่อฟีเจอร์และแอพพลิเคชั่นต่างๆ อย่างไหลลื่นไร้รอยต่อ ช่วยให้การทำงานบนแบล็กเบอร์รี่ 10 เป็นไปอย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ และ Blackburry Hub ที่เป็นศูนย์กลางที่จัดเก็บข้อมูลสื่อสารที่สำคัญของผู้ใช้ไว้ที่จุดเดียว ไม่ว่าจะเป็นอีเมล์ส่วนตัวหรืออีเมล์องค์กร ข้อความ BBM การอัพเดตหรือข้อความแจ้งเตือนทางโซเชียลมีเดียต่างๆ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่น “พีค” (Peek) ซึ่งผู้ใช้สามารถดูแบล็กเบอร์รี่ฮับ ได้เสมอไม่ว่าจะกำลังเปิดใช้งานฟีเจอร์ใดก็ตามไว้ที่หน้าจอ ด้วยการปัด (swipe) เพื่อเปลี่ยนไปยังข้อความ หรือบทสนทนาที่สำคัญได้อย่างง่ายดาย โดยแบล็กเบอร์รี่ Z10 วางจำหน่ายในประเทศไทยราว 20,900 บาท มีให้เลือก 2 สี คือ สีดและสีขาวผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสังเกตกิจกรรมในงานเปิดตัวของแบล็กเบอร์รี่ในครั้งนี้ค่อนข้างเงียบเหงา แม้จะมีการจัดกิจกรรมถึง 2 แห่ง ในศูนย์การค้าใจกลางเมือง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมีการเปิดให้ผู้สนใจที่ได้สั่งจองเครื่องไว้มารับเครื่องไปก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา สำหรับแบล็กเบอร์รี่ เอ็กซ์พีเรียนซ์ เซ็นเตอร์ จะยังคงเปิดให้บริการไปถึงช่วงปลายเดือนพ.ค.นี้ เพื่อให้ผู้สนใจสามารถซื้อและทดลองใช้งานแบล็กเบอร์รี่ Z10 ได้ต่อไป. 

สั่ง3ค่าย เคลียร์7ข้อสัญญาไม่เป็นธรรม ก่อนเปิด3จี

สั่ง3ค่าย เคลียร์7ข้อสัญญาไม่เป็นธรรม ก่อนเปิด3จี
เปิด 7 ประเด็นข้อสัญญาไม่เป็นธรรม กทค. เร่งเคลียร์เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค 3G ขณะที่ ประธาน กทค. ลั่น แล้วเสร็จวันที่ 29 เม.ย.นี้ เพื่อให้ทันเปิดบริการ 3G พ.ค.นี้...รายงานข่าวแจ้งว่า กรณีคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ในคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้มีการพิจารณาสัญญาการให้บริการ 3G ของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนคลื่น 2.1 กิกะเฮิรตซ์ (GHz) ทั้ง 3 ราย คือ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค บริษัทดีแทค เนทเวอร์ค และบริษัทเรียล ฟิวเจอร์ แต่ กทค. ยังไม่มีมติอนุมัติ โดยมอบหมายให้นายสุทธิพล ทวีชัยการ กรรมการ กสทช. ด้านกฎหมายและนายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ กสทช. ด้านคุ้มครองผู้บริโภคและสิทธิเสรีภาพของประชาชน ไปหารือนอกรอบร่วมกัน ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศานายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กล่าวว่า ปมประเด็นของเรื่องเกิดจากในชั้นกลั่นกรองเรื่อง ส่วนตัวได้ตั้งประเด็นที่ไม่เห็นชอบกับข้อสัญญาของผู้ให้บริการไว้หลายประการ เนื่องจากเห็นว่าเป็นข้อสัญญาที่เอาเปรียบหรือละเมิดสิทธิผู้บริโภค โดยเฉพาะ 7 ประเด็นหลักๆ ได้แก่ 1.การสร้างภาระผูกพันต่อผู้บริโภคด้วยการเสนออุปกรณ์โทรคมนาคมในราคาถูก ซึ่งตามกฎหมายอนุญาตให้เสนออุปกรณ์ได้ แต่ห้ามกำหนดเงื่อนไขให้เกิดภาระแก่ผู้บริโภค หากผู้บริโภคต้องการเลิกสัญญาก่อนกำหนดก็ย่อมทำได้โดยมีหน้าที่ต้องคืนอุปกรณ์ให้บริษัท และถ้าทำอุปกรณ์เสียหายก็ชดใช้ตามราคาตลาด แต่ไม่ต้องเสียเงินค่าปรับหรือค่าเสียหายจากการไม่ใช้บริการต่อ อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าสัญญาของบางบริษัทระบุเฉพาะหน้าที่ของผู้บริโภค แต่ไม่บอกว่าบริษัทไม่มีสิทธิผูกมัดผู้บริโภค2. เรื่องการให้บริการเสริม สัญญาที่บางบริษัทเสนอระบุชัดว่า ผู้ให้บริการจะเป็นผู้เรียกเก็บเงินค่าบริการแทนผู้ให้บริการเสริมต่างๆ แต่ไม่พูดถึงว่ามีหน้าที่ต้องร่วมกับผู้ให้บริการเสริมในการรับผิดชอบต่อผู้บริโภคในกรณีเกิดปัญหาด้วย3. เรื่องการคืนเงินแก่ผู้บริโภคเมื่อมีการเลิกสัญญา ซึ่งบางบริษัทมีการใช้คำว่าจะคืน “เงินสุทธิ” หลังหักค่าใช้จ่าย ดังนั้นจึงขัดกับที่กฎหมายกำหนดว่าจะต้องคืนเต็มจำนวน4. เรื่องการจำกัดวงเงินใช้บริการ ซึ่งข้อสัญญาที่ผู้ให้บริการเสนอเข้ามามีการระบุว่า ผู้ให้บริการอาจพิจารณาขยายวงเงินนั้นได้เอง โดยผู้ใช้บริการต้องรับผิดชอบในค่าบริการที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทั้งที่ตามกฎหมายกำหนดว่าสัญญาต้องเกิดจากการตกลงของสองฝ่าย หรือที่เรียกว่า “เสนอสนองตรงกัน”5. เรื่องการเปลี่ยนแปลงสิทธิตามรายการส่งเสริมการขาย หรือสิทธิอื่นๆ ที่ผู้ใช้บริการได้สมัครไว้ โดยข้อสัญญาของบางบริษัทกำหนดว่าเป็นสิทธิของผู้ให้บริการที่จะเปลี่ยนแปลงได้ แต่ที่ถูกคือต้องให้ผู้ใช้บริการยินยอมด้วย สุทธิพล ทวีชัยการ6. เรื่องระยะเวลาขั้นสูงในการระงับบริการชั่วคราว ซึ่งตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่องให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2543 ข้อ 3 (4) ได้ให้สิทธิผู้ใช้บริการระงับบริการชั่วคราวได้สูงสุดถึง 6 เดือน แต่สัญญาของ 3 รายที่เสนอมา ส่วนใหญ่เพียงระบุว่าเป็นสิทธิของบริษัทที่จะกำหนดเวลาดังกล่าวโดยจะแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบภายหลัง และบางรายก็กำหนดให้ขอระงับบริการได้เพียงคราวละ 30 วัน 7. เรื่องการแจ้งรายละเอียดค่าบริการและการใช้บริการ ซึ่งมีสัญญาของบางบริษัทระบุว่าจะแจ้งข้อมูลรายละเอียดการใช้บริการเฉพาะใน “พื้นที่เดียวกัน” รวมทั้งมีการกำหนดว่า หากผู้ใช้บริการต้องการรับรายละเอียดของค่าใช้บริการในรอบนั้นซ้ำอีก ก็จะต้องเสียค่าธรรมเนียมตามอัตราที่บริษัทกำหนด ซึ่งเป็นการเปิดกว้างให้เป็นเรื่องตามอำเภอใจของบริษัทเกินไปนายประวิทย์ กล่าวต่อว่า ในเนื้อหาสาระของสัญญาที่ผู้ให้บริการทั้ง 3 รายส่งมาให้พิจารณานั้นมีข้อกำหนดทั้ง 7 ประเด็นดังกล่าวในลักษณะที่เป็นการรุกล้ำสิทธิของผู้บริโภค หรือบางกรณีก็เป็นการตัดสิทธิและปิดโอกาสในการเลือกของผู้บริโภค ทั้งๆ ที่ทุกประเด็นเป็นสิ่งที่มีกฎหมายบัญญัติรองรับไว้ ดังนั้นต้องให้ผู้ให้บริการทั้ง 3 รายแก้ไขข้อสัญญาให้เป็นไปตามกฎหมายก่อน กทค. จึงจะอนุมัติแบบสัญญาได้“ทุกประเด็นดูเหมือนเป็นเรื่องรายละเอียด แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่า สัญญาให้บริการโทรคมนาคมนั้นเป็นสัญญาสำเร็จรูปที่ผู้ให้บริการเป็นฝ่ายกำหนดเงื่อนไขแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งอาจมีเงื่อนไขที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคได้ ดังนั้นเมื่อกฎหมายให้ กสทช. มีอำนาจหน้าที่ในการอนุมัติ ก็ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบโดยคำนึงถึงความเป็นธรรมของคู่สัญญา โดยเฉพาะทางด้านของผู้บริโภคที่ไม่ได้เป็นฝ่ายออกแบบหรือมีส่วนร่างสัญญาเลย กสทช. จึงต้องดูอย่างละเอียด จะพิจารณาเพียงระดับหลักการไม่ได้ เพราะข้อสัญญาจะมีผลผูกมัดผู้ใช้บริการในระบบ 3G ทั้งหมดต่อไป” นายประวิทย์ กล่าว เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณกรรมการ กสทช. ด้านคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้ข้อยุติร่วมกันแล้ว นั่นคือให้ปรับตามข้อเสนอของตนเป็นส่วนใหญ่ คงเหลือเพียง 1-2 ประเด็นที่ยังไม่สรุปชี้ชัด แต่รอให้ที่ประชุม กทค. เป็นผู้ตัดสิน ซึ่งก่อนหน้านี้ พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธาน กทค. ประกาศไว้แล้วว่าจะประชุมพิจารณาแบบสัญญาให้เสร็จสิ้นในวันที่ 29 เม.ย.2556 เพื่อให้การเปิดบริการ 3G เกิดขึ้นในเดือน พ.ค. ได้ตามที่ผู้ให้บริการกำหนดไว้ 

Tuesday, April 23, 2013

แคนนอนขึ้นแชมป์กล้องDSLRทั่วโลก10ปีซ้อน

แคนนอนขึ้นแชมป์กล้องDSLRทั่วโลก10ปีซ้อน
แคนนอน ประกาศความสำเร็จ ครองแชมป์อันดับ 1 ยอดขายกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ทั่วโลกสูงสุด - 10 ปีซ้อน ขณะที่ปี 2556 นี้ลูกค้าชาวไทยจะพบกับ กล้องรุ่น EOS 100D SLR ที่เล็กและเบาที่สุดในโลกแน่นอน...บริษัท แคนนอน อิงค์ ประเทศญี่ปุ่น แถลงความสำเร็จในการสร้างยอดขายกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ (กล้องดิจิตอล SLR และกล้องคอมแพค) ทั่วโลก ได้เป็นอันดับหนึ่งติดต่อกัน 10 ปีนับตั้งแต่ปี 2546-2555 นอกจากการผลิตกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้แล้ว แคนนอนยังได้พัฒนาเทคโนโลยีซึ่งเป็นหัวใจหลักสำคัญ คือ เซ็นเซอร์รับภาพแบบ CMOS และชิปประมวลผลภาพ สำหรับใช้กับกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ และได้นำเทคโนโลยีอันทันสมัยที่สุดในด้านนี้มาใช้กับกล้องซีรีส์ EOS 1D การพัฒนาเซ็นเซอร์และหน่วยประมวลผลภาพของกล้องรุ่นต่างๆ ทำให้แคนนอนประสบความสำเร็จในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้ใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่ระดับมืออาชีพไปจนถึงผู้ใช้กล้องมือใหม่ และทำให้แบรนด์แคนนอนสามารถครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดทั่วโลกในปี 2003 (พ.ศ 2546) ซึ่งเป็นยุคเริ่มต้นของกล้องดิจิตอล SLR แคนนอนได้เปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ EOS Kiss Digital (หรือ EOS Digital Rebel หรือ EOS 300D Digital ในภูมิภาคอื่น) กล้องดิจิตอล SLR ขนาดเล็ก น้ำหนักเบาและใช้งานง่าย ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญที่ทำให้แคนนอนเติบโตขึ้นในตลาดกล้องดิจิตอล SLR และสร้างยอดขายสูงสุดทั่วโลก นับแต่นั้นมาแคนนอนมุ่งมั่นพัฒนาอุปกรณ์ด้านภาพคุณภาพสูงและแนะนำกล้องรุ่นใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่างภาพสมัครเล่นระดับสูง อาทิ กล้องดิจิตอล SLR ซีรีส์ EOS 5D ซึ่งเป็นการบุกเบิกการบันทึกภาพด้วยกล้องดิจิตอล SLR อีกด้วยส่วนปี 2012 (พ.ศ 2555)  เป็นปีที่แคนนอนฉลองครบรอบ 25 ปีที่กล้อง EOS ออกสู่ตลาด และการเป็นผู้นำตลาดทั่วโลกเป็นปีที่ 10 ติดต่อกัน โดยแคนนอนได้เปิดตัวกล้องดิจิตอลคอมแพ็กเปลี่ยนเลนส์ได้รุ่น EOS M เพื่อขยายฐานลูกค้าในกลุ่มผู้ใช้งานมือใหม่ อีกทั้งยังมีรุ่น EOS 6D กล้องดิจิตอล SLR ขนาดเล็กและน้ำหนักเบาที่สุดในโลก  ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ CMOS ฟูลเฟรม ขนาด 35 มิลลิเมตร ซึ่งช่วยกระตุ้นการเติบโตของตลาดในกลุ่มช่างภาพสมัครเล่นฝีมือระดับสูงสำหรับปีนี้ แคนนอนได้แนะนำกล้องรุ่น EOS 100D (หรือใช้ชื่อว่า EOS Rebel SL1 หรือ EOS Kiss X7 ในภูมิภาคอื่น) กล้องดิจิตอล SLR ที่เล็กและเบาที่สุดในโลก ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ APS-C-size เสริมทัพผลิตภัณฑ์ระดับแนวหน้าของโลกจากแคนนอนและเตรียมพร้อมสำหรับการรักษาความเป็นผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการผลิตกล้องถ่ายภาพมาตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทฯ ในปี 2480 แคนนอนจะยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีด้านภาพที่หลากหลายไปพร้อมกับการสร้างสรรค์เลนส์และกล้องถ่ายภาพที่มีคุณภาพชั้นเลิศเชื่อถือได้ เพื่อตอบสนองความต้องการต่างๆ ของผู้ใช้งานตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงมืออาชีพ ตลอดจนเผยแพร่วัฒนธรรมการถ่ายภาพไปยังทุกภูมิภาคของโลกส่วนความคืบหน้าของข่าวการเปิดตัวกล้องดิจตอลรุ่นใหม่ของแคนนอน จากเว็บไซต์ www.canonrumors.com ระบุถึงข่าวลือว่า แคนนอน กำลังพัฒนากล้อง DSLR  รุ่นใหม่อาทิ EOS 70D ที่คาดว่าจะเปิดตัวช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ และ EOS 7D Mk.II ที่มีข่าวลือว่ากำลังอยู่ระหว่างพัฒนาอีกด้วยด้วย. 

กสทช.สัมมนาเปิดมุมมอง จรรยาบรรณสื่อ-องค์กรกำกับ

กสทช.สัมมนาเปิดมุมมอง จรรยาบรรณสื่อ-องค์กรกำกับ
กสทช. ร่วมกับ ม.ราชภัฏอุตรดิตถ์ เปิดเวทีแลกเปลี่ยนจรรยาบรรณในมุมมองของสื่อและองค์กรกำกับดูแลในต่างประเทศ...เมื่อ วันที่ 23 เม.ย. นายลูกัส ลอวอลโซ The Southeast Asian Press Alliance (SEAPA) กล่าวในเวทีสัมมนา เรื่อง จรรยาบรรณในมุมมองของสื่อและองค์กรกำกับดูแลในต่างประเทศ จัดโดยคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ว่า มุมมองจรรยาบรรณในการนำเสนอข่าวประเทศอินโดนีเซีย ภูมิทัศน์สื่อว่าปัจจุบันมีสื่อสิ่งพิมพ์มีคนอ่านน้อยลง ขณะที่ สถาบันที่กำกับดูแลสื่อ ประกอบด้วย 1. Press Council  2. Advertising Council และ 3. Broadcasting Commissino สำหรับ การทำข่าวในอินโดนีเซีย ทาง Broadcasting Commission จะให้ Press Council ช่วยพิจารณาเนื้อหาสื่อทางวิทยุ-โทรทัศน์ ด้วยผู้แทนจาก SEAPA กล่าวต่อว่า อินโดนีเซียมีความอ่อนไหวในเรื่องสื่อ เนื่องจากคนในสังคมมีความหลากหลาย  จึงพยายามส่งเสริมให้ผู้ทำการโฆษณาคำนึงถึงผู้รับสาร ขณะที่การคุ้มครองสิทธิเด็กเป็นเรื่องสำคัญมาก และพยายามขจัดสื่อลามกอนาจาร นั่นคือมีกฎหมายสื่อลามกใช้ในประเทศ ส่วนการนำเสนอข่าว ต้องไม่เป็นเรื่องโกหก ลามก ละเมิดสิทธิสตรี เด็ก หรือการระบุชื่อเหยื่อที่ได้รับความรุนแรงทางเพศ ส่วนที่ไม่ได้ห้ามโฆษณา  คือ การโฆษณาอาหารเด็ก บุหรี่ และฉลาก ตามที่กฎอิสลามอนุญาต เพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับผู้บริโภค นายลูกัส กล่าวอีกว่า ปี 2012 มีสื่อมวลชนทำผิดจรรยาบรรณ กรณีใช้ตำแหน่งตัวเองในการไปซื้อหุ้นราคาถูก ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มากในอินโดนีเซีย ถือว่าผิดจรรยาบรรณ รายการ Talkshow ในอินโด คนร้องเรียนมากที่สุด เรื่องเชิญแขกรับเชิญที่มีพฤติกรรมที่เหมาะสม แต่โฆษณามีการร้องเรียนน้อยกว่ารายการอื่นนายคริส บานาทวาลา ผู้แทนจาก Ofcom ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า ofcom วิจัยผู้บริโภคว่าเชื่อถือสื่ออะไร ซึ่งผลปรากฏว่า เชื่อถือสื่อโทรทัศน์มากกว่าวิทยุ ขณะที่ คำว่าความเป็นกลาง หรือความเหมาะสมในจรรยาบรรณ จะต้องไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ทางยุโรปกำหนดห้ามมีสปอนเซอร์ในข่าวผู้แทนจาก Ofcom ประเทศอังกฤษ กล่าวต่อว่า คนที่ถือใบอนุญาตของ Ofcom ในอังกฤษจะต้องไม่ส่งเสริมหรือยัดเยียดความคิดให้กับประชาชน คือต้องมีความเป็นกลางในการรายงานข่าวนั่นเอง ขณะที่ สหรัฐฯ จะให้เสรีภาพในการแสดงออกมากกว่าประเทศอื่น  ฉะนั้นในกรอบจรรยาบรรณเรื่องของ Due หรือความเหมาะสมจะไม่มี โดยหนังสือพิมพ์ในประเทศอังกฤษ จะเป็นการควบคุมที่ต่างออกไป ปัจจุบันจะเป็นการกำกับดูแลตนเอง (  Self-regulated )นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี รองประธาน อนุกรรมการต่างประเทศ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ กล่าวว่า ประเทศไทยมีพัฒนาการของการกำกับดูแลกันเองมากว่า 40 ปี แล้วหลังจากมีการยกเลิก พ.ร.บ.การพิมพ์ 2484 ที่จำกัดเสรีภาพในการนำเสนอ แต่รัฐพยายามเรียกร้องว่าต้องมีกฎหมาย กลไล ควบคุมสื่อโดยรัฐ คือ สถาการหนังสือพิมพ์ กระทั่งปี 2540 ที่มีการร่างรัฐธรรมนูญระบุให้มีกำกับดูแลกันเองของสื่อ ให้มีองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระ ที่ครอบคลุมทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ สภาวิชาชีพที่มีกฎหมายรองรับ ทั้งนี้ หากศึกษาดูว่าประเทศใดบ้างที่มีสภาสื่อมวลชนที่ออกมาเป็น กฎหมาย พบว่าประเทศ ประชาธิปไตย จะไม่มีองค์กรใดที่มีสภาวิชาชีพที่ใช้อำนาจตาม กฎหมาย สำหรับประเทศไทยไม่มีกฎหมายสื่อมวลชน เพราะมีการรับรองสิทธิเสรีภาพไว้ในรัฐธรรมนูญไว้ เริ่มมีวิทยุโทรทัศน์ที่หลากหลาย เมื่อสภาการหนังสือพิมพ์เกิดขึ้น ควรต้องเป็นอิสระจากรัฐ กำกับดูแลกันเองอย่างแท้จริง รองประธาน อนุกรรมการต่างประเทศ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ กล่าวต่อว่า หลังจากมี กสทช. สภาวิชาชีพเกิดขึ้นมากมาย อาทิ สภาวิชาชีพวิทยุและโทรทัศน์ มีการตรวจสอบจริยธรรม เกี่ยวกับการรายงานว่า จ่ายสินบนให้นักข่าวช่วงเลือกตั้ง ผลปรากฏว่าไม่พบ กรณีสื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง เดินทางไปกับประธาน รัฐสภา ไปทัวร์ประเทศอังกฤษ กรณีที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย และถูกตั้งคำถามมากที่สุด คือ ไร่ส้ม โดยมีการเรียกร้องให้เกิดความยุติธรรม เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นสมาชิกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โดยสมาคมนักข่าวฯ ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบทางจริยธรรมด้วยการลาออก ซึ่งตรวจสอบไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องไปตรวจสอบกับทางสถานีเพื่อครอบคลุมไปถึงพนักงานของสถานี โดยล่าสุดยังอยู่ในกระบวนการ ซึ่งส่วนตัวเห็นด้วยกับแนวคิดแบบการกำกับดูแลร่วม หรือ  การผสมรวมระหว่างอุตสาหกรรมและกฎหมาย แต่ต้องเป็นแนวคิดที่ให้อิสระกับองค์กรที่ดูแลกันเอง โดยที่ กสทช. ไม่ควรมาแทรกแซงแต่แรก ควรส่งเรื่องให้องค์กรวิชาชีพดำเนินการนายชวรงค์ กล่าวอีกว่า ประเด็นปัญหาล่าสุด คือ ร่างประกาศในการกำกับดูแลตนเอง ยังมีแนวทางที่แตกต่างกันว่า ลักษณะของการกำกับดูแลแบบผสม จะเป็นแบบเข้มข้น เป็นลักษณะที่ กสทช.ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นกำหนด กำหนดสัดส่วน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ต้องมาจากที่ กสทช. รับรอง หรือ การกำกับดูแลแบบผสมแบบเจือจาง เป็นลักษณะที่ กสทช. ค่อยไปกำกับการทำงานทีหลัง โดยปล่อยให้องค์กรวิชาชีพ สรรหากันเอง เพิกถอนได้หากไม่ทำตามหน้าที่รองประธาน อนุกรรมการต่างประเทศ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม กฎหมายเขียนให้อำนาจองค์กรกำกับดูแลตนเองขาดไปเลย กสทช.จำเป็นต้องเข้ามากำหนดเงื่อนไขบางอย่าง หากไม่ทำแบบเข้มข้นอาจไม่มีทางออก ขณะเดียวกัน ประเด็นที่น่าห่วง คือ คณะกรรมการยกร่างบางส่วนมองว่า องค์กรกำกับดูแลตนเองไปขึ้นทะเบียนกับ กสทช. ควรจะต้องได้รับเงินสนับสนุนจาก กสทช. และส่วนตัวเป็นห่วงว่าหากมีการรับเงินจาก กสทช. แล้วจะไม่มีความเป็นอิสระอย่างแท้จริง และจะมีกลุ่มผู้อยากได้เงินทุก ไปจดทะเบียนองค์กรวิชาชีพมากมาย และภาคประสังคมควรมาช่วยกันเพื่อให้เกิดการกำกับดูแล อย่างไรก็ตาม การกำกับดูแลร่วมกัน ต้องใช้อำนาจ กสทช. มาจัดการ กรรมการ กสทช. ไม่มีกระบวนการจัดการได้โดยตรงหากองค์กรวิชาชัพจัดการไม่ได้.

เอไอเอสยก3จีลงช็อป เสิร์ฟคลื่น 2.1GHzให้ลูกค้าลองใช้

เอไอเอสยก3จีลงช็อป เสิร์ฟคลื่น 2.1GHzให้ลูกค้าลองใช้
เอไอเอส ยกเทคโนโลยีใหม่ 3จี บนคลื่น 2.1 กิกะเฮิรตซ์ พร้อมสมาร์ทดีไวซ์ประจำเอไอเอสช็อป ให้ลูกค้าทดลองใช้บริหารเสียง ดาต้า และแอพพลิเคชั่น ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงต้นเดือน พ.ค.นี้...บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดให้ลูกค้าเริ่มสัมผัสประสบการณ์เครือข่ายเทคโนโลยี 3จีใหม่ บนคลื่น 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ณ เอไอเอส ช็อป ทุกสาขา ก่อนเริ่มเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2556 โดยลูกค้าสามารถทดลองใช้งานได้ทั้งบริการเสียงที่มีความคมชัด การเชื่อมต่อดาต้า ทดสอบความเร็วของการดาวน์โหลดคอนเทนต์ข้อมูล รูปแบบแอพพลิเคชั่นหลากหลาย นอกจากนี้ยังมีให้ทดลองใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่หรือสมาร์ทดีไวซ์รุ่นต่างๆ ที่รองรับการใช้งานเอไอเอส 3จี บนคลื่น 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ขณะเดียวกัน ยังมีคำแนะนำการเตรียมตัวก่อนเริ่มใช้บริการ 3จี ใหม่ของเอไอเอส อาทิ พื้นที่ให้บริการ รูปแบบของโปรโมชั่น ตลอดจนการสมัครใช้บริการ เพื่อเตรียมความพร้อมให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายในช่วงของการเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบต้นเดือนพฤษภาคมนี้. 

Monday, April 22, 2013

แนะกสทช.ทำวิจัยผู้บริโภคก่อนออกใบอนุญาตทีวีสาธารณะ

แนะกสทช.ทำวิจัยผู้บริโภคก่อนออกใบอนุญาตทีวีสาธารณะ
อธิการบดี ม.ราชภัฏอุตรดิตถ์ แนะ กสทช.ศึกษาวิจัยผู้บริโภคก่อนว่า ต้องการอะไรเป็นหลัก ก่อนออกใบอนุญาตทีวีสาธารณะ ขณะที่ผู้แทน SEAPA ชี้จับตาบทบาท กสทช.เรื่ององค์กรกำกับดูแลสื่อ... เมื่อวันที่ 22 เม.ย. คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ จัดสัมมนา เรื่อง จรรยาบรรณในมุมมองของสื่อและองค์กรกำกับดูแลในต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 22-23 เม.ย.2556นายคริส บานาทวาลา ผู้แทนจาก Ofcom ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า รูปแบบการกำกับดูแลของประเทศอังกฤษมี 3 แบบ ประกอบด้วย  1.การกำกับดูแลตนเอง หมายถึง อุตสาหกรรมจะเป็นผู้ออกแบบเอง ไม่มีการบังคับ ส่วนจรรยาบรรณในส่วนนี้ องค์กรวิชาชีพเป็นผู้ออกกฎและปฏิบัติร่วมกัน 2.การกำกับดูแลร่วม หมายถึง การผสมรวมระหว่างอุตสาหกรรมและกฎหมาย บางครั้งดูแลกันเอง แต่ท้ายสุดจะมีอำนาจตามกฎหมาย 3.การกำกับดูแลตามกฎหมาย หมายถึงต้องมีรัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้องกฎหมายต้องมีการกำหนดวัตถุประสงค์อย่างชัดเจนสำหรับ ข้อดี-ข้อเสีย ของการกำกับดูแลทั้ง 3 ประเภท คือ 1.การกำกับดูแลตนเอง คือ ได้รับความร่วมมือ มีความยืดหยุ่น สามารถทำงานได้เอง และเป็นอิสระ ส่วนข้อเสีย คือ ไม่มีหลักประกันว่าอุตสาหกรรมจะปฏิบัติตาม และมีอำนาจค่อนข้างจำกัด อีกทั้งไม่มีหน่วยงานภายนอกเข้ามาร่วม รวมทั้งอาจเสี่ยงถ้าไม่มีสมาชิกเข้าร่วมจะดำเนินการได้ยากมาก2. การกำกับดูแลร่วม แม้ว่าจะมีการผสมผสานแต่มีต้นทุนแพงกว่า และบางครั้งมีความสับสนด้วยว่าใครจะรับผิดชอบตรงส่วนไหน และถ้าหากมีข้อตกลงอาจจะหาข้อตกลงไม่ได้ เพราะมีข้อตกลง และความคิดเห็นหลากหลาย และ 3.การกำกับดูแลตามกฎหมาย มีอำนาจรัฐรองรับอยู่เป็นอิสระเชื่อถือได้ และคิดถึงประโยชน์สาธารณะเป็นหลัก แต่บางครั้งอาจไม่มีความยืดหยุ่นนางสาวกายาทรี เวนกิเทสวรัญ ผู้แทนจาก The Southeast Asian Press Alliance (SEAPA)  กล่าวว่า ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีประชากรอยู่ประมาณ 600 ล้านคน ทำให้ภูมิทัศน์สื่อมีความหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่การควบคุมของสื่อจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐ ส่วนสิ่งที่ท้าทายคือ การมีกฎหมายตัวอื่นเข้ามามีบทบาทกับการกำกับดูแล อาทิ กฎหมายความมั่นคง กฎหมายการลบหลู่ศาสนา และกฎหมายต่างๆ ผู้แทนจาก SEAPA กล่าวต่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้ คือการกำกับดูแลที่อุตสาหกรรมพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น แต่ผู้ประกอบการยังไม่เห็นความสำคัญของประชาชนตามที่เป็นหัวใจหลัก ซึ่งน่าจับตาดูว่าประเทศไทยจะมีวิธีการจัดการอย่างไร และบทบาท กสทช. จะเดินหน้าต่อไปอย่างไรนางสาวพิรงรอง รามสูต ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษานโยบายสื่อ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การตีความสิทธิ์ในการถือครองใบอนุญาต กสทช. ต้องระบุออกมาให้ชัดเจน และต้องมีหลักฐานเป็นที่ประจักษ์ โดยกำหนดนิยามตามกฎหมายเพื่อให้เกิดการปฏิบัติ เพราะคำว่าใบอนุญาต มีความหมายเท่ากับ สิทธิ์ในการออกอากาศนายเรืองเดช วงศ์หล้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ กล่าวว่า การออกใบอนุญาตทีวีสาธารณะของ กสทช. ที่จะเกิดขึ้นต้องถามผู้บริโภค หรือประชาชนก่อนว่า ต้องการอะไร โดยตั้งคณะกรรมการศึกษาวิจัย ก่อนที่จะให้ใบอนุญาตกับผู้ประกอบการแต่ละรายอย่างละเอียด เพราะหากจัดการเอง อาจจะดีแต่ยังไม่สมบูรณ์ถ้า กสทช. สามารถรับฟังความคิดเห็น ศึกษาวิจัยผลประโยชน์ว่า ประชาชนควรได้อะไรบ้าง เช่น สุขภาพ การศึกษา การเมือง การจัดสรรควรเป็นสัดส่วนเท่าไร ผลประโยชน์อยู่ที่ประชาชน กสทช. ก็ไม่ต้องกังวลอะไร.

อาร์คอสเผยโฉม ทีวีคอนเน็กต์ มิติใหม่ความบันเทิงในบ้าน

อาร์คอสเผยโฉม ทีวีคอนเน็กต์ มิติใหม่ความบันเทิงในบ้าน
เครล คอมพิวเตอร์ ตัวแทนจำหน่ายแท็บเล็ตยี่ห้ออาร์คอส เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ อาร์คอส ทีวี คอนเน็กซ์ เปลี่ยนจอแอลซีดีให้เป็นสมาร์ททีวี เหมาะสำหรับความบันเทิงภายในบ้าน...บริษัท เครล คอมพิวเตอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายแท็บเล็ตแบรนด์ อาร์คอส ได้ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ อาร์คอส ทีวี คอนเน็กซ์ (Archos TV Connect) แอนดรอยด์ทีวี ที่เป็นเหมือนแท็บเล็ต ทำงานโดยเชื่อมต่อกับจอแอลซีดีให้กลายเป็นสมาร์ททีวี เหมาะสำหรับความบันเทิงในบ้าน ห้องประชุม และโรงแรมทั้งนี้ อาร์คอส ทีวี คอนเน็กซ์ มาพร้อมเกมส์และรีโมทคอนโทรลคีย์บอร์ด ให้ผู้ใช้สามารถใช้ปุ่ม มัลติทัช ได้เหมือนแท็บเล็ตขนาดใหญ่ ซึ่งใช้โปรเซสเซอร์ Multi Core G9 ความเร็ว 1.5GHz Ram1GB SSD 8GB และเสียบ MicroSD เพิ่มได้ 32GB, Android 4.1, Wifi+Lan , USB + MicroUSB, HDMI to TV พร้อมกล้องหน้า.

ซุปเปอร์บอร์ด กสทช. เริ่มทำงาน 22 เม.ย.

ซุปเปอร์บอร์ด กสทช. เริ่มทำงาน 22 เม.ย.
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ส่งหนังสือแจ้งผลการคัดเลือกกรรมการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน (กสทช.) หรือซุปเปอร์บอร์ด กสทช. ระบุเริ่มทำงาน 22 เม.ย.นี้ มีเวลา 3 ปีดำรงตำแหน่ง... เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้ทำหนังสือแจ้งมายัง นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ถึงผลการคัดเลือกกรรมการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงาน กสทช. (ซุปเปอร์บอร์ด)โดยสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้ทำการคัดเลือกแล้ว 5 คน ได้แก่ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร เป็นประธาน ส่วนกรรมการประกอบด้วย นายพิชัย อุตมาภินันท์ นายอมรเทพ จิรัฐิติเจริญ นายประเสริฐ อภิปุญญา พล.อ.บุญยวัจน์ เครือหงส์ โดยกรรมการชุดดังกล่าวจะเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. 56 มีระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง 3 ปี.

Monday, April 15, 2013

มีเดียมอนิเตอร์ เสนอช่อง11 ปรับเนื้อหาเน้นสาธารณประโยชน์

มีเดียมอนิเตอร์ เสนอช่อง11 ปรับเนื้อหาเน้นสาธารณประโยชน์
มีเดียมอนิเตอร์ ทำการศึกษาผังรายการของช่อง 11 พร้อมเสนอปรับเนื้อหา-เพิ่มสัดส่วนภาค ปชช. เน้นเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ...รายงานข่าวแจ้งว่า โครงการเสริมสร้างสื่อมวลชนศึกษาเพื่อสุขภาวะ (มีเดียมอนิเตอร์) เผยการสำรวจ “การศึกษาผังรายการเพื่อวิเคราะห์ทิศทางการประกอบกิจการบริการสาธารณะของฟรีทีวี” คือ หัวข้อที่โครงการมีเดียมอนิเตอร์ มูลนิธิสื่อมวลชนศึกษา ทำการศึกษาผังรายการของช่อง 11 ออกอากาศระหว่างวันที่ 15-21 ม.ค. 2556 ที่ผ่านมา โดยวิเคราะห์ผังและเนื้อหารายการ เพื่อจำแนกสัดส่วนรายการประเภท ข่าวสาร สาระประโยชน์ สาระบันเทิง บันเทิง และอื่นๆ โดยอ้างอิงและเปรียบเทียบกับหลักเกณฑ์ของ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และหลักเกณฑ์อื่นที่กำหนดในการศึกษาครั้งนี้ เช่น คำอธิบายลักษณะรายการสาระบันเทิง บันเทิง โฆษณาบริการธุรกิจ  ที่มีเดียมอนิเตอร์เคยกำหนดในการศึกษาเรื่องผังรายการโทรทัศน์  และนโยบายด้านรายการและแผนการจัดทำรายการขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ซึ่งใช้เป็นเกณฑ์ในการวิเคราะห์เฉพาะช่องไทยพีบีเอส โดยสรุปผลการศึกษาและข้อเสนอ ต่อแนวทางการประกอบกิจการเพื่อบริการสาธารณะดังนี้1. จากการวิเคราะห์ผังและเนื้อหารายการ พบว่า สัดส่วนรายการของช่อง 11 ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ศึกษา มีสัดส่วนรายการที่เป็นข่าวสาร 5,055 นาที/สัปดาห์หรือ 50% ขณะที่สัดส่วนรายการสาระที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ 4,100 นาที หรือ 41% เมื่อรวมแล้วเป็น 9,155 นาที หรือ  91% 2. ช่อง สทท. 11 มีสัดส่วนข่าวสารสูงกว่าสัดส่วนสาระที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ แต่เนื้อหาที่นำเสนอส่วนใหญ่เป็นข้อมูลของภาครัฐเป็นหลัก เช่น นโยบาย และกิจกรรมต่างๆ เป็นต้น ในขณะที่มีการนำเสนอข้อมูลและความคิดเห็นของภาคประชาชน รวมทั้งภาคส่วนอื่น ในสัดส่วนที่น้อยกว่า 3. ผังรายการและสัดส่วนรายการของช่อง สทท.11 ในช่วงเวลาที่ทำการศึกษา นับว่า มีเนื้อหาที่สะท้อนบริการสาธารณะประเภทที่สาม คือ “มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกระจายข้อมูลข่าวสาร เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างรัฐบาลกับประชาชนและรัฐสภากับประชาชน การกระจายข้อมูลข่าวสารเพื่อการส่งเสริมสนับสนุนในการเผยแพร่และให้การศึกษาแก่ประชาชนเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข บริการข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์สาธารณะแก่คนพิการ คนด้อยโอกาส หรือกลุ่มความสนใจที่มีกิจกรรมเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือบริการข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์สาธารณะอื่น” ทั้งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และพันธกิจหลักของสถานีที่กำหนดว่า “เป็นสถานีหลักในด้านข่าวสารความรู้และการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสรับรู้ เกิดความรู้ความเข้าใจ สามารถนำไปพัฒนาคุณภาพชีวิต” ทั้งนี้ จากการศึกษาพบว่า ในกลุ่มรายการสาระประโยชน์จำนวนรวม 4,100 นาที/สัปดาห์นั้น มีเนื้อหาเพื่อคุณภาพชีวิต จำนวน 691 นาที/สัปดาห์ ในขณะที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการส่งเสริมประชาธิปไตยเพียง 130 นาที/สัปดาห์  ซึ่งนับว่าเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อย 4. จากการศึกษายังพบการโฆษณาสินค้าและบริการที่เป็นโฆษณาตรงในช่วงของรายการข่าวกีฬา ข่าวสิ่งแวดล้อม รายการเกษตร และรายการด้านเทคโนโลยี เช่น Thailand Mega Show, East Water, PTT Group, กะทิชาวเกาะ เป็นต้น และพบการโฆษณาแฝงของสินค้าและบริการในช่วงของรายการข่าว รายการเกษตรและรายการให้ความรู้ด้านภาษาอังกฤษ เช่น APF (อำพลฟู้ดส์), FBT, ซาร่า เป็นต้น ทั้งยังพบรายการที่มีผู้สนับสนุนเป็นองค์กรต่างๆ เช่น บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน การไฟฟ้านครหลวง เป็นต้น โดยเนื้อหารายการ เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กรที่สนับสนุน สำหรับ ข้อเสนอ มี 3 ประการ ประกอบด้วย 1. ช่อง 11 ควรปรับเนื้อหาจากการเน้นที่ภาครัฐเป็นหลัก ให้มีการเพิ่มสัดส่วนเนื้อหาจากภาคอื่นของสังคม เช่น ภาคประชาชน ภาควิชาการ เป็นต้น และหากช่อง 11 ต้องการเป็นสื่อสาธารณะประเภทที่สามซึ่งมีวัตถุประสงค์ดังระบุข้างต้น ก็ต้องเพิ่มเนื้อหาและสัดส่วนเวลากับจำนวนรายการเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมทั้งเพิ่มสัดส่วนรายการที่เป็นประโยชน์หรือตอบสนองต่อความต้องการของคนพิการ คนด้อยโอกาส หรือกลุ่มคนชายขอบ  อีกทั้ง เนื้อหารายการโดยภาพรวม ควรให้ความสำคัญกับประโยชน์ที่ประชาชนผู้ชมจะได้รับ มากกว่าเพื่อตอบสนองประโยชน์ขององค์กร/หน่วยงานที่สนับสนุนรายการ ทั้งนี้เพื่อให้ช่อง 11 เป็นสื่อสาธารณะเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง 2. ช่อง 11 ควรปฏิบัติตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ของ กสทช. ที่กำหนดว่า “การประกอบกิจการบริการสาธารณะประเภทที่หนึ่งและประเภทที่สาม หารายได้จากการโฆษณาไม่ได้ เว้นแต่เป็นการหารายได้โดยการโฆษณาหรือเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับงานหรือกิจการของหน่วยงานรัฐ  รัฐวิสาหกิจ สมาคม มูลนิธิ หรือนิติบุคคลอื่นที่มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจการเพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยไม่แสวงหากำไรในทางธุรกิจ หรือ การเสนอภาพลักษณ์ขององค์กร บริษัท และกิจการ โดยมิได้มีการโฆษณาสรรพคุณ คุณประโยชน์ หรือคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม” และ 3. กสทช. ควรกำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนของลักษณะเนื้อหารายการที่” ส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างรัฐบาลกับประชาชนและรัฐสภากับประชาชน” “การกระจายข้อมูลข่าวสารเพื่อการส่งเสริมสนับสนุนในการเผยแพร่และให้การศึกษาแก่ประชาชนเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ทั้งนี้ เพื่อผลในทางปฏิบัติด้านการผลิตรายการ และการตรวจสอบ การประกอบกิจการบริการสาธารณะ ประเภทที่สาม.     

เปิดแผนปฏิบัติการ รับมือภัยพิบัติ-เหตุฉุกเฉิน

เปิดแผนปฏิบัติการ รับมือภัยพิบัติ-เหตุฉุกเฉิน
เปิดแผนปฏิบัติการ รับมือภัยพิบัติ-เหตุฉุกเฉิน กรมประชาสัมพันธ์ นำร่อง กสทช.ชี้ใช้งานได้จริงขณะเกิดเหตุ... ยังคงเป็นเรื่องสำคัญอยู่ทุกเวลา สำหรับการเตือนภัยพิบัติ-เหตุฉุกเฉิน ซึ่งนับวันจะมองดูเหมือนเรื่องไกลตัว แต่ก็คงไม่มีใครปฏิเสธว่า หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบกับทุกฝ่าย ด้วยเหตุนี้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะหน่วยงานกลาง จึงจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการแนวทางปฏิบัติของสื่อมวลชนเกี่ยวกับการนำเสนอข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉินในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เพื่อประสานเชื่อมโยงทุกภาคส่วนให้มีแนวทางปฏิบัติเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ และสร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างผู้ประกอบกิจการและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง   เนื่องจากข้อมูลข่าวสารในปัจจุบันมีอยู่หลากหลาย อาจทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของสื่อดำเนินการไม่สอดคล้องกับหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารหรือระงับยับยั้งเหตุโดยตรง ในทางปฏิบัติที่แท้จริงของสื่อมวลชนอาจเกิดอุปสรรคและปัญหาหลายประการที่ไม่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของหน่วยงานภาครัฐได้ กสทช. ในฐานะผู้มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ จึงควรแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หาทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อเกี่ยวกับการแจ้งเตือนภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน นอกจากนี้ ยังกระตุ้นให้สื่อมวลชนตระหนักถึงการนำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉินอย่างระมัดระวัง รวมถึงเป็นการสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาวกับหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ เพื่อสร้างภาคีเครือข่ายการแจ้งรายงานข้อมูลข่าวสารในระยะยาว   นายประเสริฐ อภิปุญญา รองเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า สถานการณ์ภัยพิบัติที่เคยเกิดขึ้นกับประเทศไทยนั้น สร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน สิทธิ หรือเสรีภาพของประชาชนในวงกว้างอยู่เสมอ การปฏิบัติงานของผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์จึงมีความสำคัญในการเผยแพร่และนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นต่อการเตรียมพร้อม เพื่อป้องกัน แก้ไขและบรรเทาเหตุภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉินที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 กำหนดให้ กสทช. มีอำนาจกำกับดูแลการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับบริการที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ รวดเร็ว ถูกต้องและเป็นธรรม กสทช. จึงได้ออกประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติงานของผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ในกรณีเกิดภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ปฏิบัติหน้าที่เป็นไปในแนวทางเดียวกันเพื่อประโยชน์สูงสุดในการนำเสนอข่าวสารที่จำเป็นต่อสาธารณะ  รองเลขาธิการ กสทช. กล่าวต่อว่า แผนของกรมประชาสัมพันธ์ มีความชัดเจนมากที่สุด และสามารถปฏิบัติได้จริง โดยได้นำมาใช้จริงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นตัวอย่างที่ดีได้ ขณะที่แผนของช่องอื่นๆ ยังขาดรายละเอียด และความชัดเจนอยู่บ้าง แต่แผนนี้จะไม่ได้นำมาใช้เป็นหลักปฏิบัติของทุกสถานี นางสาวอัมพวัน เจริญกุล รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า แนวทางในการออกอากาศของหน่วยงานสื่อ (ขณะเกิดเหตุ) ประกอบด้วย 12 ข้อ คือ 1.ศึกษาข้อมูลความเป็นมา แนวโน้มเหตุการณ์ การดำเนินงานของหน่วยงาน บุคคลที่เกี่ยวข้อง 2.รายงานข่าวต่อเนื่องและบันทึกภาพนิ่งไว้ ในกรณีของสื่อโทรทัศน์ต้องเก็บภาพและเสียงความเคลื่อนไหวของเหตุการณ์รวมทั้งที่มองเห็นใกล้ตัวจากสถานี และส่งภาพออกอากาศทันที 3.เปิดตัวรายการพิเศษเพื่อรายงานข่าวด่วน 4.ต้องรายงานข่าวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาพข่าวโทรทัศน์ไม่ควรใช้ภาพข่าวเดิมซ้ำไปซ้ำมา ทั้งนี้ต้องใช้ภาพถ่ายใหม่ตลอดเวลาเพื่อให้เห็นพัฒนาการของเหตุการณ์ 5.ปรับเปลี่ยนมุมมองประเด็นข่าวและรายการให้ทันเหตุการณ์ตลอดเวลา 6.ขณะออกอากาศควรรายงานข่าวหรือขึ้นตัววิ่ง การยกเลิกเที่ยวบิน การคมนาคม เช่น รถไฟรถยนต์ไปด้วยรวมถึงสายด่วน หรือหมายเลขโทรศัพท์ของโรงพยาบาล ศูนย์บัญชาการหรือศูนย์ที่ให้ข้อมูลข่าวสารได้  7.ขณะเกิดกรณีเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ หรือนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ต้องให้ข้อมูลข่าวสารภาษาไทยและภาษาอังกฤษตลอดเวลา 8.เอื้อเฟื้อแลกเปลี่ยนข่าวและภาพกับสื่ออื่นๆ เพื่อให้การรายงานเหตุการณ์แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วและได้ผล คิดถึงประชาชนเป็นหลัก 9.พยายามเก็บภาพการทำงานของฝ่ายต่างๆ ไว้ด้วย การจัดเก็บต้องลำดับผลการทำงานให้เป็นระบบ 10.การรายงานข้อมูลในลักษณะการเตือนภัย ต้องห้ามแสดงความคิดเห็น 11.ในกรณีสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์หรือถ่ายทอดสดจากผู้สื่อข่าวในท้องที่ เจ้าหน้าที่หรือผู้ประสบภัยพิบัติต้องบันทึกชื่อของผู้ให้ข้อมูล และ 12.การรายงานข่าว /การนำเสนอต้องยึดหลักข้อบังคับกรมประชาสัมพันธ์ว่าด้วยมาตรฐานทางจริยธรรมของการประกอบวิชาชีพในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ของกรมประชาสัมพันธ์ พ.ศ.2555  ส่วนขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อมีการเตือนภัยของโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) แบ่งออกเป็น 3 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 ประกอบด้วย 3 ข้อ ได้แก่ 1. ออกตัววิ่งประกาศเตือนภัยเมื่อได้รับประกาศเตือนภัยจากศูนย์ภัยพิบัติแห่งชาติ ในห้วงเวลาที่เหมาะสมระหว่างการถ่ายทอดสด 2. ประสานศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ขอข้อมูลเพิ่มเติมของสถานการณ์เพื่อออกอักษรตัววิ่งที่ถูกต้องและทันต่อเวลา โดยส่งข้อมูลโดยตรงมายังศูนย์ถ่ายทอดสดของโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ขั้นที่ 2 ประกอบด้วย 1.เมื่อเกิดสถานการณ์ระดับต่างๆ ตามความรุนแรงของสถานการณ์ให้สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ในฐานะแม่ข่ายในการออกอากาศประกาศเตือนพิจารณาถอดสัญญาณออกจากรายการสดได้ตามความเหมาะสม 2.สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยพีบีเอสและสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (สทท.11) ซึ่งโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยขอความร่วมมือในการถ่ายทอดสด พิจารณาถอดสัญญาณออกจากการถ่ายทอดสดได้ตลอดเวลา 3.สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 อ.ส.ม.ท. สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี และสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม (TGN) ยังคงดำเนินรายการถ่ายทอดสดต่อไปจนกว่าจะจบภารกิจ   ขั้นที่ 3 ประกอบด้วย 1.กรณีศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ประสานขอความร่วมมือจากสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกให้เตรียมห้องถ่ายทอดสด พร้อมออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกในฐานะแม่ข่ายทางฮอตไลน์ 2.สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกถ่ายทอดสดชี้แจงสถานการณ์เตือนภัยและเตือนภัยพิบัติ 3.สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย พิจารณารับสัญญาณถ่ายทอดสดการชี้แจงสถานการณ์การเตือนภัยจากสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ขณะที่ภายหลังเกิดเหตุ 1.อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ที่ได้รับมอบหมายหัวหน้าหน่วยงานในพื้นที่หรือผู้ที่อธิบดีมอบหมายพิจารณาประกาศใช้แผนพระอินทร์ 1 (สถานการณ์ปกติ) เป็นลายลักษณ์อักษรหรือวิธีอื่นใดก็ได้ในกรณีหัวหน้าหน่วยงานในพื้นที่หรือผู้ที่อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์มอบหมายเป็นผู้ประกาศใช้แผนหลังจากประกาศให้รายงานอธิบดี รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ที่ได้รับมอบหมายและศูนย์ IOC กรมประชาสัมพันธ์ทราบด่วน 2.ผู้อำนวยการสถานีฯ แจ้งยกเลิกสถานการณ์ตามข้อมูลหรือคำสั่งจากหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบ 3. หน่วยงานสื่อจัดรายงานข้อมูล ผลการดำเนินการนำเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ก่อนส่งมารวบรวมที่ศูนย์ IOC เพื่อแจ้งต่อสำนักงาน กสทช. ภายใน 30วัน โดยประกอบด้วย 3.1 รายชื่อผู้รับผิดชอบของรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐ ในกรณีที่มีการร้องขอให้ออกอากาศแจ้งข่าวหรือเตือนภัยแก่ประชาชนพร้อมวิธีการร้องขอ 3.2 ผังรายการในการออกอากาศกรณีแจ้งข่าว หรือเตือนภัยที่ออกไปแล้ว 3.3 เอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการดำเนินการออกอากาศแจ้งข่าวหรือเตือนภัยแก่ศูนย์ IOC ภายใน 15 วันหลังจากประกาศแจ้งยกเลิกสถานการณ์

โลกาภิวัตน์ 15/04/56

โลกาภิวัตน์ 15/04/56
ส่ิงอัศจรรย์ธรรมชาติองค์การอวกาศสหรัฐฯเผยแพร่ภาพถ่ายเนินทราย “ทะเลทรายเกรท แซนดี้” ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ของออสเตรเลีย นับเป็นสิ่งอัศจรรย์ทางธรณีวิทยาที่น่าสนใจ เป็นเนินทรายที่เคลื่อนตัวได้ยาวตลอดบริเวณ สูงประมาณ 25 เมตร เว้นระยะห่างกันเป็นช่วงยาว 0.5-1.5 กม.สะพานจีน-เกาหลีเหนือสตรีชาวจีน  2  คนใช้โทรศัพท์มือถือ ถ่ายรูปสะพานข้ามแม่น้ำยาลู ที่เชื่อมจีนกับเกาหลีเหนือ ไว้เป็นที่ระลึก เจ้าหน้าที่จีนแจ้งว่า ขณะนี้ห้ามนักท่องเที่ยวข้ามแล้ว เปิดให้แต่การติดต่อทางธุรกิจเท่านั้น.สายพันธ์ุมนุษย์ใหม่นักวิจัยมหาวิทยาลัยวิตวอเตอร์สแตรนด์ของสวิส ได้ลองสร้างภาพโครงกระดูกมนุษย์ดึกดำบรรพ์ เมื่อยุค 2 ล้านปีมาแล้ว สายพันธุ์เพิ่งศึกษาพบหลักฐานใหม่ (รูปกลาง) ขนาบด้วยรูปโครงกระดูกของสตรีปัจจุบันและโครงกระดูกลิงชิมแปนซีตัวผู้ (ข้างซ้าย) โดยยังไม่ค่อยมั่นใจนักว่า จะเอาเข้ารวมอยู่ในแผนภูมิของการวิวัฒนาการของมนุษย์ได้หรือไม่.ขับดันด้วยไฟฟ้าแสงแดดองค์การอวกาศสหรัฐฯเผยแพร่ภาพวาดแสดงระบบขับดันด้วยไฟฟ้าแสงอาทิตย์ของยานอวกาศ ตามโครงการท่ีจะใช้ในการฝึกซ้อม เพ่ือล่าดาวเคราะห์น้อยขนาดเล็กให้เข้ามาอยู่ใกล้โลก. 

Sunday, April 14, 2013

Google ขึ้นภาพ Doodles ร่วมฉลองสงกรานต์ไทย

Google ขึ้นภาพ Doodles ร่วมฉลองสงกรานต์ไทย
กูเกิลไม่พลาดร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลแห่งความสนุกสนานสงกรานต์ไทย โดยขึ้นภาพ Doodles สัญลักษณ์สงกรานต์และการทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา...เช้าวันที่ 13 เม.ย. มีรายงานว่า เว็บไซต์กูเกิล (www.google.co.th) เปลี่ยนภาพ Doodles เป็นภาพลวดลายศิลปะ การปล่อยนกปล่อยปลาทำบุญ โดยเมื่อคลิกที่ภาพเพื่อดูรายละเอียด จะปรากฏเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับประเพณีสงกรานต์ของชาวไทย โดยกูเกิลใช้คำค้นหา ว่า วันสงกรานต์ ปีใหม่ไทย โดยจากคำค้นดังกล่าว กูเกิลอ้างว่าจะพบเรื่องราวที่เกี่ยวข้องราว 1,770,000 รายการ.

เผยโฉม แอพฯ มิวสิคโหลดได้ผ่านแอนดรอยด์

เผยโฉม แอพฯ มิวสิคโหลดได้ผ่านแอนดรอยด์
ดีเซอร์พัฒนาโปรแกรมรูปโฉมใหม่บนแอนดรอยด์ เชื่อ สามารถสร้างปรากฏการณ์ทางดนตรีบนมือถือเต็มรูปแบบ...นายแมทธิว โกแวน หัวหน้าฝ่ายมือถือของดีเซอร์ กล่าวว่า ดีเซอร์ (www.deezer.com) ผู้ให้บริการเพลงออนไลน์ชั้นนำของโลกเปิดตัว แอพพลิเคชั่นดีเซอร์เวอร์ชั่นเบต้ารูปโฉมใหม่สำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการใช้งานให้แก่แฟนเพลงทั่วโลกพร้อมเปิดโลกทัศน์ให้พวกเขาค้นพบเพลงและเหล่าศิลปินหน้าใหม่ทั้งนี้ คุณสมบัติหลักของแอพพลิเคชั่น ดังกล่าว ประกอบด้วย ตัวช่วยค้นหาโดยการคาดการณ์ (Predictive search) –ตัวช่วยอัจฉริยะสุดรู้ใจที่สามารถคาดการณ์ชื่อศิลปินหรือเพลงที่แฟนเพลงต้องการเข้าถึง ทำให้พวกเขาใช้เวลาในการค้นหาน้อยลงและมีเวลาในการฟังเพลงมากยิ่งขึ้นแถบมินิเพลเยอร์  (Built-in permanent mini-player) – ตอบโจทย์การทำกิจกรรมหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน และเพลงสามารถใช้ประกอบการทำกิจกรรมเหล่านั้นได้  นอกจากนี้ ยังดีไซน์ที่ออกแบบมาให้เหมาะสมต่อการใช้งาน (Ergonomic design) – การค้นหาเพลงเป็นเรื่องที่ยากและอาจทำให้หมดสนุก ดีเซอร์จึงทำการพัฒนาและเปิดตัวส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ (User interface) ที่มีความโดดเด่นเพื่อคอยให้ความช่วยเหลือในการหาศิลปินใหม่ได้อย่างรวดเร็วกว่าที่เคย“ดีเซอร์ มีภารกิจหลักในการสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นที่ดีที่สุดให้กับแต่ละแพลตฟอร์มมือถือ ซึ่งระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ช่วยให้สามารถต่อยอดพัฒนานวัตกรรมค้นหาเพลงรูปแบบใหม่ได้”สำหรับ แอพพลิเคชั่นดีเซอร์เวอร์ชั่นเบต้ารูปโฉมใหม่สามารถดาวน์โหลดได้ที่  http://www.deezer.com/newandroid โดยแอพพลิเคชั่นเวอร์ชั่นเต็มจะเปิดให้ดาวน์โหลดผ่านทางกูเกิล เพลย์ เร็วๆ นี้. 

มีเดียมอนิเตอร์ เสนอช่อง11 ปรับเนื้อหาเน้นสาธารณประโยชน์

มีเดียมอนิเตอร์ เสนอช่อง11 ปรับเนื้อหาเน้นสาธารณประโยชน์
มีเดียมอนิเตอร์ ทำการศึกษาผังรายการของช่อง 11 พร้อมเสนอปรับเนื้อหา-เพิ่มสัดส่วนภาค ปชช. เน้นเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ...รายงานข่าวแจ้งว่า โครงการเสริมสร้างสื่อมวลชนศึกษาเพื่อสุขภาวะ (มีเดียมอนิเตอร์) เผยการสำรวจ “การศึกษาผังรายการเพื่อวิเคราะห์ทิศทางการประกอบกิจการบริการสาธารณะของฟรีทีวี” คือ หัวข้อที่โครงการมีเดียมอนิเตอร์ มูลนิธิสื่อมวลชนศึกษา ทำการศึกษาผังรายการของช่อง 11 ออกอากาศระหว่างวันที่ 15-21 ม.ค. 2556 ที่ผ่านมา โดยวิเคราะห์ผังและเนื้อหารายการ เพื่อจำแนกสัดส่วนรายการประเภท ข่าวสาร สาระประโยชน์ สาระบันเทิง บันเทิง และอื่นๆ โดยอ้างอิงและเปรียบเทียบกับหลักเกณฑ์ของ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และหลักเกณฑ์อื่นที่กำหนดในการศึกษาครั้งนี้ เช่น คำอธิบายลักษณะรายการสาระบันเทิง บันเทิง โฆษณาบริการธุรกิจ  ที่มีเดียมอนิเตอร์เคยกำหนดในการศึกษาเรื่องผังรายการโทรทัศน์  และนโยบายด้านรายการและแผนการจัดทำรายการขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ซึ่งใช้เป็นเกณฑ์ในการวิเคราะห์เฉพาะช่องไทยพีบีเอส โดยสรุปผลการศึกษาและข้อเสนอ ต่อแนวทางการประกอบกิจการเพื่อบริการสาธารณะดังนี้1. จากการวิเคราะห์ผังและเนื้อหารายการ พบว่า สัดส่วนรายการของช่อง 11 ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ศึกษา มีสัดส่วนรายการที่เป็นข่าวสาร 5,055 นาที/สัปดาห์หรือ 50% ขณะที่สัดส่วนรายการสาระที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ 4,100 นาที หรือ 41% เมื่อรวมแล้วเป็น 9,155 นาที หรือ  91% 2. ช่อง สทท. 11 มีสัดส่วนข่าวสารสูงกว่าสัดส่วนสาระที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ แต่เนื้อหาที่นำเสนอส่วนใหญ่เป็นข้อมูลของภาครัฐเป็นหลัก เช่น นโยบาย และกิจกรรมต่างๆ เป็นต้น ในขณะที่มีการนำเสนอข้อมูลและความคิดเห็นของภาคประชาชน รวมทั้งภาคส่วนอื่น ในสัดส่วนที่น้อยกว่า 3. ผังรายการและสัดส่วนรายการของช่อง สทท.11 ในช่วงเวลาที่ทำการศึกษา นับว่า มีเนื้อหาที่สะท้อนบริการสาธารณะประเภทที่สาม คือ “มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกระจายข้อมูลข่าวสาร เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างรัฐบาลกับประชาชนและรัฐสภากับประชาชน การกระจายข้อมูลข่าวสารเพื่อการส่งเสริมสนับสนุนในการเผยแพร่และให้การศึกษาแก่ประชาชนเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข บริการข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์สาธารณะแก่คนพิการ คนด้อยโอกาส หรือกลุ่มความสนใจที่มีกิจกรรมเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือบริการข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์สาธารณะอื่น” ทั้งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และพันธกิจหลักของสถานีที่กำหนดว่า “เป็นสถานีหลักในด้านข่าวสารความรู้และการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสรับรู้ เกิดความรู้ความเข้าใจ สามารถนำไปพัฒนาคุณภาพชีวิต” ทั้งนี้ จากการศึกษาพบว่า ในกลุ่มรายการสาระประโยชน์จำนวนรวม 4,100 นาที/สัปดาห์นั้น มีเนื้อหาเพื่อคุณภาพชีวิต จำนวน 691 นาที/สัปดาห์ ในขณะที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการส่งเสริมประชาธิปไตยเพียง 130 นาที/สัปดาห์  ซึ่งนับว่าเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อย 4. จากการศึกษายังพบการโฆษณาสินค้าและบริการที่เป็นโฆษณาตรงในช่วงของรายการข่าวกีฬา ข่าวสิ่งแวดล้อม รายการเกษตร และรายการด้านเทคโนโลยี เช่น Thailand Mega Show, East Water, PTT Group, กะทิชาวเกาะ เป็นต้น และพบการโฆษณาแฝงของสินค้าและบริการในช่วงของรายการข่าว รายการเกษตรและรายการให้ความรู้ด้านภาษาอังกฤษ เช่น APF (อำพลฟู้ดส์), FBT, ซาร่า เป็นต้น ทั้งยังพบรายการที่มีผู้สนับสนุนเป็นองค์กรต่างๆ เช่น บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน การไฟฟ้านครหลวง เป็นต้น โดยเนื้อหารายการ เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กรที่สนับสนุน สำหรับ ข้อเสนอ มี 3 ประการ ประกอบด้วย 1. ช่อง 11 ควรปรับเนื้อหาจากการเน้นที่ภาครัฐเป็นหลัก ให้มีการเพิ่มสัดส่วนเนื้อหาจากภาคอื่นของสังคม เช่น ภาคประชาชน ภาควิชาการ เป็นต้น และหากช่อง 11 ต้องการเป็นสื่อสาธารณะประเภทที่สามซึ่งมีวัตถุประสงค์ดังระบุข้างต้น ก็ต้องเพิ่มเนื้อหาและสัดส่วนเวลากับจำนวนรายการเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมทั้งเพิ่มสัดส่วนรายการที่เป็นประโยชน์หรือตอบสนองต่อความต้องการของคนพิการ คนด้อยโอกาส หรือกลุ่มคนชายขอบ  อีกทั้ง เนื้อหารายการโดยภาพรวม ควรให้ความสำคัญกับประโยชน์ที่ประชาชนผู้ชมจะได้รับ มากกว่าเพื่อตอบสนองประโยชน์ขององค์กร/หน่วยงานที่สนับสนุนรายการ ทั้งนี้เพื่อให้ช่อง 11 เป็นสื่อสาธารณะเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง 2. ช่อง 11 ควรปฏิบัติตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ของ กสทช. ที่กำหนดว่า “การประกอบกิจการบริการสาธารณะประเภทที่หนึ่งและประเภทที่สาม หารายได้จากการโฆษณาไม่ได้ เว้นแต่เป็นการหารายได้โดยการโฆษณาหรือเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับงานหรือกิจการของหน่วยงานรัฐ  รัฐวิสาหกิจ สมาคม มูลนิธิ หรือนิติบุคคลอื่นที่มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจการเพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยไม่แสวงหากำไรในทางธุรกิจ หรือ การเสนอภาพลักษณ์ขององค์กร บริษัท และกิจการ โดยมิได้มีการโฆษณาสรรพคุณ คุณประโยชน์ หรือคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม” และ 3. กสทช. ควรกำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนของลักษณะเนื้อหารายการที่” ส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างรัฐบาลกับประชาชนและรัฐสภากับประชาชน” “การกระจายข้อมูลข่าวสารเพื่อการส่งเสริมสนับสนุนในการเผยแพร่และให้การศึกษาแก่ประชาชนเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ทั้งนี้ เพื่อผลในทางปฏิบัติด้านการผลิตรายการ และการตรวจสอบ การประกอบกิจการบริการสาธารณะ ประเภทที่สาม.     

Saturday, April 13, 2013

สพฉ.แนะวิธีเดินทางปลอดภัย ช่วงสงกรานต์

สพฉ.แนะวิธีเดินทางปลอดภัย ช่วงสงกรานต์
สพฉ. เผยวิธีเดินทางปลอดภัยช่วงสงกรานต์ พกเบอร์ฉุกเฉิน-อุปกรณ์ปฐมพยาบาลติดรถ แนะปฐมพยาบาลเบื้องต้น เผยประสานศูนย์สั่งการ 1669 – ทีมกู้ชีพ เตรียมรับมือ 24 ชม. ตั้งเป้าช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินภายใน 8 นาที วอนหากพบเห็นรถพยาบาลโปรดให้ทาง...นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมรับมืออุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า สงกรานต์เป็นช่วงวันหยุดยาว ซึ่งประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนามาก ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินมากขึ้น 3-4 เท่า ซึ่งในปีที่ผ่านมาสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือระดับของความรุนแรงในการเกิดอุบัติเหตุ เพราะมีสถิติผู้เสียชีวิต ณ จุดเหตุเพิ่มมากขึ้น โดย สพฉ. ได้มีการเตรียมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยได้ประสานกับศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการ 1669  และมีการตรวจเช็กคู่สายกว่า 500 สายทั่วประเทศให้พร้อมใช้งาน และกระจายทีมกู้ชีพทั้งในส่วนภาครัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นครอบคลุมในทุกพื้นที่ทั้งนี้ ในส่วนประชาชนเองต้องมีความพร้อมด้วย คือ หากต้องเดินทางไกลจะต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เด็ดขาดในระหว่างการเดินทาง ขับรถด้วยความเร็วที่กฎหมายกำหนด ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด คาดเข็มขัดนิรภัยและสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งที่เดินทาง และหากต้องขับรถในระยะทางไกลเกินกว่า 200 กิโลเมตร ควรหยุดพักเป็นระยะ นอกจากนี้ ควรตรวจสภาพเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ ในรถให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานด้วยเพื่อความปลอดภัยเลขาธิการ สพฉ. กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญหากเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินที่สำคัญจะต้องมีสติตลอดเวลา ต้องเตรียมพร้อมเรื่องการสื่อสาร การขอความช่วยเหลือ ซึ่งในรถแต่ละคันควรติดเบอร์โทร.ฉุกเฉินของหน่วยงานต่างๆ ไว้ เพราะบางช่วงเวลาหากตกใจเราอาจลืมการขอความช่วยเหลือได้ง่ายๆ นอกจากนี้ ควรมีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลและยาที่จำเป็นไว้บ้าง อาทิ สำลี น้ำยาฆ่าเชื้อที่แผล ผ้าก๊อซปิดแผล ผ้าพันแผล พลาสเตอร์ปิดแผล  ผ้ายืดพันแก้เคล็ดขัดยอก ถุงมือใช้แล้วทิ้ง  ปากคีบหยิบสำลี  กรรไกรตัด ยาแก้ปวดลดไข้ ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้เมารถ เป็นต้น นอกจากนี้ควรเตรียมอุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็น อาทิ ไฟฉาย ไฟฉุกเฉิน เชือก เพราะอุปกรณ์เหล่านี้อาจกลายเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยชีวิตคุณและคนที่คุณรักได้นพ.อนุชา กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ที่พบอุบัติเหตุหรือเป็นผู้ประสบเหตุเองและยังช่วยเหลือตนเองได้ควรตั้งสติ สงบสติอารมณ์และประเมินสถานการณ์ความรุนแรงของอุบัติเหตุและพิจารณาว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บกี่คน มีรถยนต์ที่ประสบเหตุกี่คัน รวมถึงระบุสถานที่เกิดเหตุให้ชัดเจน และควรรีบโทร.แจ้งสายด่วน 1669  โดยอย่าพยายามเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่บาดเจ็บด้วยตนเอง เพราะอาจจะทำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินบาดเจ็บมากยิ่งขึ้นได้ และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม หากมีความจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุให้จอดรถในที่ปลอดภัย เปิดไฟฉุกเฉิน ซึ่งหากผู้ป่วยฉุกเฉินมีเลือดออกมากให้ทำการปฐมพยาบาลโดยการห้ามเลือด โดยใช้ผ้าปิดปากแผล แล้วใช้ส้นมือหรือฝ่ามือกดให้แน่นประมาณ 10-15 นาที จนเลือดหยุด แต่อย่ากดจนซีดเขียว สำหรับภาวะเลือดออกภายในการห้ามเลือดอาจทำได้ยากหรืออาจทำไม่ได้เลย แต่สามารถช่วยปฐมพยาบาลเพื่อลดความรุนแรงได้คือให้ผู้ป่วยพักในท่าที่สบายที่สุด ปลอบใจให้ผู้ป่วยไม่ตื่นเต้นตกใจและสงบจะทำให้เลือดออกน้อยลง ห้ามให้อาหารและน้ำทางปาก จนกว่าแพทย์จะอนุญาต และหากไอเป็นเลือด ให้ผู้ป่วยพยายามไอเบาๆ จะทำให้เลือดออกน้อยลง  นอกจากนี้ หากกระดูกหักและจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายจริงๆ ให้ดามกระดูกก่อน โดยอาจใช้อุปกรณ์ใกล้ตัวเช่นกระดาษแข็งหนาๆ หรือไม้นำมามัดดามไว้ด้วยเชือกหรือผ้าพันแผลบริเวณที่กระดูกหักเพื่อลดการขยับ“ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ทีมกู้ชีพพร้อมทำงานช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง โดยเราตั้งเป้าการไปช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินให้ได้ภายใน 8 นาที เพราะจะทำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินมีโอกาสรอดและปลอดภัยมากที่สุด ดังนั้น หากผู้ขับขี่พบเห็นรถพยาบาลโปรดหลีกทางให้ด้วย เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็วและทันการ โดยอยากให้คิดเสมอว่าคนในรถฉุกเฉินอาจเป็นญาติหรือคนที่คุณรักก็ได้” นพ.อนุชา กล่าว.

Google ขึ้นภาพ Doodles ร่วมฉลองสงกรานต์ไทย

Google ขึ้นภาพ Doodles ร่วมฉลองสงกรานต์ไทย
กูเกิลไม่พลาดร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลแห่งความสนุกสนานสงกรานต์ไทย โดยขึ้นภาพ Doodles สัญลักษณ์สงกรานต์และการทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา...เช้าวันที่ 13 เม.ย. มีรายงานว่า เว็บไซต์กูเกิล (www.google.co.th) เปลี่ยนภาพ Doodles เป็นภาพลวดลายศิลปะ การปล่อยนกปล่อยปลาทำบุญ โดยเมื่อคลิกที่ภาพเพื่อดูรายละเอียด จะปรากฏเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับประเพณีสงกรานต์ของชาวไทย โดยกูเกิลใช้คำค้นหา ว่า วันสงกรานต์ ปีใหม่ไทย โดยจากคำค้นดังกล่าว กูเกิลอ้างว่าจะพบเรื่องราวที่เกี่ยวข้องราว 1,770,000 รายการ.

เผยโฉม แอพฯ มิวสิคโหลดได้ผ่านแอนดรอยด์

เผยโฉม แอพฯ มิวสิคโหลดได้ผ่านแอนดรอยด์
ดีเซอร์พัฒนาโปรแกรมรูปโฉมใหม่บนแอนดรอยด์ เชื่อ สามารถสร้างปรากฏการณ์ทางดนตรีบนมือถือเต็มรูปแบบ...นายแมทธิว โกแวน หัวหน้าฝ่ายมือถือของดีเซอร์ กล่าวว่า ดีเซอร์ (www.deezer.com) ผู้ให้บริการเพลงออนไลน์ชั้นนำของโลกเปิดตัว แอพพลิเคชั่นดีเซอร์เวอร์ชั่นเบต้ารูปโฉมใหม่สำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการใช้งานให้แก่แฟนเพลงทั่วโลกพร้อมเปิดโลกทัศน์ให้พวกเขาค้นพบเพลงและเหล่าศิลปินหน้าใหม่ทั้งนี้ คุณสมบัติหลักของแอพพลิเคชั่น ดังกล่าว ประกอบด้วย ตัวช่วยค้นหาโดยการคาดการณ์ (Predictive search) –ตัวช่วยอัจฉริยะสุดรู้ใจที่สามารถคาดการณ์ชื่อศิลปินหรือเพลงที่แฟนเพลงต้องการเข้าถึง ทำให้พวกเขาใช้เวลาในการค้นหาน้อยลงและมีเวลาในการฟังเพลงมากยิ่งขึ้นแถบมินิเพลเยอร์  (Built-in permanent mini-player) – ตอบโจทย์การทำกิจกรรมหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน และเพลงสามารถใช้ประกอบการทำกิจกรรมเหล่านั้นได้  นอกจากนี้ ยังดีไซน์ที่ออกแบบมาให้เหมาะสมต่อการใช้งาน (Ergonomic design) – การค้นหาเพลงเป็นเรื่องที่ยากและอาจทำให้หมดสนุก ดีเซอร์จึงทำการพัฒนาและเปิดตัวส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ (User interface) ที่มีความโดดเด่นเพื่อคอยให้ความช่วยเหลือในการหาศิลปินใหม่ได้อย่างรวดเร็วกว่าที่เคย“ดีเซอร์ มีภารกิจหลักในการสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นที่ดีที่สุดให้กับแต่ละแพลตฟอร์มมือถือ ซึ่งระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ช่วยให้สามารถต่อยอดพัฒนานวัตกรรมค้นหาเพลงรูปแบบใหม่ได้”สำหรับ แอพพลิเคชั่นดีเซอร์เวอร์ชั่นเบต้ารูปโฉมใหม่สามารถดาวน์โหลดได้ที่  http://www.deezer.com/newandroid โดยแอพพลิเคชั่นเวอร์ชั่นเต็มจะเปิดให้ดาวน์โหลดผ่านทางกูเกิล เพลย์ เร็วๆ นี้. 

Friday, April 12, 2013

จับตาศึกไลเซ่นส์โทรคมฯพม่า เอไอเอสถอนตัว เทเลนอร์-ทรูเสือซุ่ม

จับตาศึกไลเซ่นส์โทรคมฯพม่า เอไอเอสถอนตัว เทเลนอร์-ทรูเสือซุ่ม
เอไอเอส รับเข้าเกียร์ถอยจากโครงการประมูลไลเซ่นส์โทรคมนาคมในพม่าแล้ว เผยหมดสิทธิ์เพราะเงื่อนไขไม่ตรงสเปก ฟาก เทเลนอร์-ทรู ยังเดินหน้าลุยต่อ...นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า บริษัทได้ถอนตัวจากการยื่นประมูลใบอนุญาต (ไลเซ่นส์) ประกอบกิจการโทรคมนาคมในประเทศพม่าแล้ว เนื่องจากคุณสมบัติของบริษัทไม่ตรงกับเงื่อนไขที่รัฐบาลพม่ากำหนด ว่าต้องเป็นผู้ให้บริการในต่างประเทศ ไม่เฉพาะประเทศที่บริษัทตั้งอยู่ ซึ่งเอไอเอสไม่มีไม่ได้มองว่าเป็นการเสียโอกาสในทางธุรกิจ เป็นเพียงความไม่ชัดเจนที่เราไม่รู้ตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่เข้าไป เป็นความต้องการที่เกิดขึ้นในภายหลัง ซึ่งในฐานะเจ้าของสถานที่หรือเจ้าของประเทศ เขาก็สามารถทำได้โดยไม่ใช่เรื่องผิด และไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องร้องเรียนว่าไม่ยุติธรรมหรืออื่นๆ เพียงแต่ไม่ใช่ลักษณะเดียวกับการเมืองไทย ซึ่ง กสทช.จะระบุคุณสมบัติและรายละเอียดออกมาให้ทราบล่วงหน้า ขณะเดียวกัน โอกาสครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายและบริษัทไม่ได้มองว่าจะจบกับแค่โครงการนี้ แม้ว่าบริษัทจะผ่านเข้าไปได้ก็ยังไม่รู้จะสู้กับบริษัทอื่นๆ ที่ล้วนเป็นบริษัทใหญ่ระดับโลกได้หรือไม่ทั้งนี้ ในมุมของเอไอเอสก็ยังมีสิงเทล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเทมาเส็ก ยืนยันสู้ประมูลกับรายอื่นๆ ขณะที่อีก 2 ผู้ให้บริการเครือข่าย (โอเปอเรเตอร์) รายใหญ่ของไทย อย่างบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ก็เป็นอีกรายที่ไม่ได้ลงสนามศึกครั้งนี้ แต่มีบริษัทแม่อย่างเทเลนอร์ เป็นกองหน้าบุกลงสนามแทน ส่วนบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ก็มีกระแสข่าวว่าได้ตัดสินใจลงสู้ศึกครั้งนี้ เพื่อหวังบุกธุรกิจโทรคมนาคมในพม่าด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าจับตาว่า เทเลนอร์จะจริงจังกับการลุยสนามชิงไลเซ่นส์ครั้งนี้อยู่ไม่น้อย เพราะได้อดีตแม่ทัพคู่บุญดีแทค อย่าง ธนา เธียรอัจฉริยะ ที่หันหลังให้ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็มแซท จำกัด ในเครือบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) มารับหน้าที่ดูแลโครงการลุยธุรกิจโทรคมนาคมพม่าครั้งนี้ให้เทเลนอร์ เอเชีย โดยตรงอีกด้วย.

3 ค่ายมือถือพร้อมรับสงกรานต์ ผุดงานใหญ่แหล่งท่องเที่ยว

3 ค่ายมือถือพร้อมรับสงกรานต์ ผุดงานใหญ่แหล่งท่องเที่ยว
เอไอเอส ดีแทค ทรูมูฟเอช เตรียมเครือข่ายและบริการรับมือการใช้งานช่วงสงกรานต์ ด้านดีแทค ได้ประกาศฉลองสงกรานต์และขยายช่องสัญญาณ โดยมอบโบนัสค่าโทร 20% เมื่อเติมเงินกับคนขายแฮปปี้ออนไลน์...นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงที่คนไทยเดินทางกลับไปหาครอบครัวหรือท่องเที่ยวพักผ่อน ในฐานะผู้ให้บริการเครือข่ายเราจึงเตรียมความพร้อมทั้งการรองรับด้านเครือข่ายและบุคลากรแบบเกิน 100% รวมถึงพร้อมรับวิกฤติพลังงานในช่วงเดือนเมษายน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าสามารถเดินทางและใช้ช่วงเวลาวันหยุดได้อย่างราบรื่นโดยการเตรียมความพร้อม ประกอบด้วย การจัดรถสถานีฐานเคลื่อนที่ออกให้บริการในจุดที่ประชาชนรวมตัวกันหนาแน่น อาทิ สถานีขนส่งหมอชิต สายใต้ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวหลักทั่วไทย และเตรียมความพร้อมในการรองรับการใช้งานให้เพียงพอในพื้นที่ท่องเที่ยว ขณะเดียวกันยังสำรองเชื้อเพลิง เพื่อใช้กับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าประจำชุมสาย กรณีเกิดปัญหาด้านการจ่ายกระแสไฟฟ้าฉุกเฉิน ปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ให้สามารถรองรับการใช้งานท่ามกลางอุณหภูมิที่สูงขึ้นของฤดูร้อน อาทิ ผนังห้อง แอร์ประหยัดพลังงาน ฯลฯ พร้อมประสานงานตรงกับภาครัฐ อาทิ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง เพื่อร่วมบริหารการใช้กระแสไฟฟ้าอย่างสอดคล้องกับแผนงานของรัฐบาล และเตรียมสแตนด์บายทีมวิศวกรรวมถึงพนักงานคอลเซ็นเตอร์ ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อทำการมอนิเตอร์และเข้าดำเนินการแก้ไขปัญหาได้ทันทีนอกจากนี้ เอไอเอสยังจัดกิจกรรมคลายร้อน “สงกรานต์ทั่วไทยอุ่นใจกับเอไอเอส ปี 6” ใน 5 จังหวัด 5 ภาคทั่วไทย โดยเนรมิตคาราวาน AIS 3G Splash Out ที่จะนำความสนุกพร้อมทัพศิลปินชื่อดังไปมอบความสุข และแจกของขวัญพรีเมี่ยม อาทิ ปืนฉีดน้ำ ซองใส่มือถือกันน้ำ และหมวกโฟมอุ่นใจ โดยประเดิมวันที่ 13 เมษายน 2556 ภาคกลาง จ.นครปฐม บริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ พบกับเคน ภูภูมิ และแต้ว ณฐพร, ภาคอีสาน จ.ขอนแก่น ถ.ข้าวเหนียว พบกับนิว วงศกร และเชียร์ ทิฆัมพร, ภาคใต้ จ.สงขลา อ.หาดใหญ่ กับป้อง ณวัฒน์ และเดี่ยว สุริยนต์, ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ ถ.รอบคูเมือง พบกับตูมตาม และนท เดอะสตาร์ และปิดท้ายวันที่ 17 เมษายน 2556 ที่ภาคตะวันออก จ.ชลบุรี หาดบางแสน พบกับเบลล่า ราณี และเกรท วรินทร ไปมอบความสนุกด้าน นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจโมบายล์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ซึ่งคนไทยจะเดินทางกลับภูมิลำเนาที่ต่างจังหวัด หรือท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ทรูมูฟ เอชได้เตรียมความพร้อมรองรับการใช้งานของลูกค้าบนเครือข่ายทรูมูฟ เอช 3G+ ที่ครอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัด 928 อำเภอ 6,898 ตำบล และ 61,282 หมู่บ้าน รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ถนนทางหลวงสายหลักต่างๆ และสนามบินหลักทั่วประเทศขณะเดียวกัน ทรูมูฟ เอช ยังได้จัดรถสัญญาณเคลื่อนที่อำนวยความสะดวก และเพิ่มช่องสัญญาณเป็นพิเศษในพื้นที่ที่คาดว่าจะมีการใช้งานหนาแน่น ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วประเทศ เช่น หาดเชียงราย จ.เชียงราย, เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต รวมทั้งบริเวณที่มีการเล่นน้ำหรือจัดงานเทศกาลสงกรานต์ ทั้งในกรุงเทพฯ เช่น ถนนสีลม, ถนนข้าวสาร, ซอยโชคชัย4, อาร์ซีเอ, สถานีขนส่งหมอชิต และในจังหวัดต่างๆ เช่น ประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่, ถนนข้าวเหนียว จ.ขอนแก่น และถนนผีเสื้อสมุทร ชายหาดเมืองระยอง เป็นต้น โดยทีมวิศวกรดูแลเครือข่ายคอยตรวจสอบการใช้งานเครือข่ายในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ และพร้อมเข้าแก้ไขปัญหาการใช้งานทุกพื้นที่ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ร้านทรูช้อปและคอล เซ็นเตอร์ 1331 พร้อมช่วยเหลือและให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมเตรียมแผนรองรับวิกฤติพลังงานในช่วงเดือนเมษายนนี้ โดยจัดเตรียมแบตเตอรี่สำรอง น้ำมันสำรอง และเครื่องปั่นไฟ รวมถึง ติดต่อประสานงานกับผู้จำหน่ายน้ำมันเพื่อเตรียมจัดส่งน้ำมันเข้าไปอย่างต่อเนื่องในกรณีฉุกเฉิน และหากสถานีฐานใดได้รับผลกระทบจากไฟฟ้าดับจะมีการเชื่อมต่อสถานีฐานใกล้เคียงได้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้มีการสื่อสารได้อย่างต่อเนื่องทั้งยังจัดกิจกรรม Splash of joy สาดความสุข สนุกเย็นฉ่ำ วันสงกรานต์ ลูกค้าทรู รับฟรีกระเป๋าพลาสติกใสใส่มือถือ ลายเท่ กันน้ำได้ ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน 2556 เป็นต้นไป (จำนวนจำกัด) ที่ร้านทรูช้อป 12 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัล เวิลด์, สยามพารากอน, เดอะมอลล์ บางกะปิ, ดิจิตอล เกตเวย์, พาราไดซ์ พาร์ค ศรีนครินทร์, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เมกา บางนา, อาคารใยแก้ว, เซ็นทรัล ขอนแก่น, กาดสวนแก้ว เชียงใหม่, พัทยาใต้ และหัวหินมาร์เก็ตวิลเลจส่วนบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ประกาศรองรับการใช้งานของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและการใช้งานช่วงวันหยุดยาวของเทศกาลสงกรานต์ โดยขยายช่องสัญญาณในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ เชียงใหม่ ถนนข้าวสาร ฯลฯ เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้งานมากยิ่งขึ้น พร้อมมอบโบนัสค่าโทร 20% แก่ลูกค้าที่เติมเงินผ่านคนขายแฮปปี้ออนไลน์ระหว่างวันที่ 8-12 เมษายน 2556 พร้อมกันนั้นยังจัดกิจกรรมพิเศษให้บริการเติมเงินและมอบของที่ระลึกแก่ลูกค้าที่เดินทางในวันที่ 12 เมษายนนี้ ที่สถานีขนส่งหมอชิตและสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการที่ศูนย์บริการดีแทคระหว่างวันที่ 12-13 เมษายนรับฟรีซองกันน้ำจากดีแทค (จำนวนจำกัด)ทั้งนี้ ลูกค้าแฮปปี้ทุกหมายเลขจะได้รับโบนัสค่าโทร 20% สูงสุดถึง 500 บาท เมื่อเติมเงินผ่านช่องทางคนขายแฮปปี้ออนไลน์ ตั้งแต่ 100-800 บาท ระหว่างวันที่ 8-12 เมษายน 2556 และสามารถใช้งานโบนัสค่าโทรได้ในช่วงวันหยุดยาวตั้งแต่ 13-15 เมษายน นี้. 

โลกาภิวัตน์ 12/04/56

โลกาภิวัตน์ 12/04/56
สภาพดวงอาทิตย์ปัจจุบันองค์การอวกาศสหรัฐฯเปิด เผยภาพของดวงอาทิตย์ ที่ถ่ายด้วยกล้องถ่ายภาพอันทันสมัย มองเห็นดวงอาทิตย์ที่ไร้วงแหวน และบริเวณส่วนบนที่กำลังแปรเปลี่ยนโฉม.หมอผ้ึงเด็กชายคนไข้ชาวปาเลสไตน์ ซึ่งป่วยเป็นโรคโพรงอากาศข้างจมูกอักเสบ ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ขณะที่รับการรักษาด้วยการให้ผึ้งต่อย ที่ศูนย์พยาบาลในนครกาซาซิตี เป็นที่รู้กันมานานแล้วว่าการใช้พิษของผึ้ง อาจใช้รักษาโรคลมบ้าหมู โรคของหู และอาการแพ้ ไปจนถึงโรคของไขสันหลังได้.อุปกรณ์ผ่าตัดแทนคนศัลยแพทย์โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ สหรัฐฯ คุมอยู่หน้าแผงควบคุมของระบบผ่าตัดแทนคน ดา วินซี ซึ่งสามารถผ่าตัดได้แม่นยำกว่าด้วยมือหมอเอง แต่กำลังถูกวิจารณ์ว่าการนำมาใช้กันมากจนทั่วประเทศ ทำให้กลายเป็นเครื่องมือของการตลาดและการหลอกลวง ถึงกับองค์การอาหารและยาสหรัฐฯกำลังจับตาดูปัญหาผ่าตัดแล้วมีคนไข้เสียชีวิตอยู่อย่างใกล้ชิด.ยาสู้ไข้หวัดนกโรงงานเภสัชในมณฑลอานฮุย ระดมผลิตยารักษาโรคไข้ หวัดนกเป็นการใหญ่ เพื่อเตรียมรับมือกับที่มีผู้ป่วยโรคไข้หวัดนก สายพันธุ์ H7N9 ขึ้นอีกเป็น 24 รายแล้ว.

Thursday, April 11, 2013

ฮิตาชิฯ ตั้งแม่ทัพใหม่ หวังรุกตลาดโซลูชั่นข้อมูลในไทย

ฮิตาชิฯ ตั้งแม่ทัพใหม่ หวังรุกตลาดโซลูชั่นข้อมูลในไทย
ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ แต่งตั้ง มารุต มณีสถิตย์ นั่งเก้าอี้กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย ปักธงลุยตลาดโซลูชั่นด้านข้อมูลมาใช้ในประเทศไทย...บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชัน (เอสดีเอช) ธุรกิจในเครือบริษัท ฮิตาชิ จำกัด ได้ประกาศแต่งตั้ง นายมารุต มณีสถิตย์ ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย โดยนายมารุตจะเป็นผู้รับผิดชอบการขับเคลื่อนธุรกิจและทิศทางการเติบโตของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ในประเทศไทย โดยการเสริมสร้างและขยายฐานลูกค้าของบริษัทและพันธมิตรนายระวี ราเจนดราน รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคอาเซียน บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ กล่าวถึงการแต่งตั้งกรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทยคนใหม่ว่า รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับนายมารุต มณีสถิตย์ ร่วมงานกับฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ด้วยประสบการณ์การทำงานกว่า 17 ปี ทั้งด้านการขายและการตลาด ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งเขาได้รับการยอมรับถึงการสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพสูงและการพัฒนาความสามารถของทีม ขณะเดียวกันเขายังสามารถสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เชื่อว่าความเชี่ยวชาญของนายมารุตจะช่วยให้ผลักดันธุรกิจของฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ในประเทศไทยเติบโตยิ่งขึ้นนายมารุต มณีสถิตย์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ พีทีอี ลิมิเต็ด กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างมาก เนื่องจากองค์กรต่างๆ ยังคงมองหาวิธีในการบริหารจัดการข้อมูล ซึ่งฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ช่วยให้ลูกค้าสามารถดึงเอาคุณประโยชน์จากข้อมูลเหล่านั้นมาช่วยในการสนับสนุนการดำเนินงานและขยายธุรกิจของพวกเขา เชื่อว่าด้วยทีมงานที่แข็งแกร่งทั้งฝ่ายขาย ช่องทางจำหน่าย การบริหารด้านการตลาด และการบริการลูกค้าอย่างมืออาชีพ จะทำให้บริษัทสามารถผลักดันธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ต่อไปทั้งนี้ ก่อนเข้าร่วมงานกับฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ นายมารุต มีบทบาทที่สำคัญในด้านการขายและด้านไอทีมากมายในองค์กรขนาดใหญ่ อาทิ ซัน ไมโครซิสเต็มส์ และฮิวเลตต์-แพคการ์ด (เอชพี) โดยล่าสุดเขาเป็นหัวหน้าทีมขายสำหรับองค์กรภาครัฐและเอกชน ที่บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (เอชพี) ครอบคลุมลูกค้าในตลาดที่สำคัญทั้งด้านธุรกิจธนาคาร ธุรกิจค้าปลีก โทรคมนาคมและภาครัฐ.

ชงสัญญา 3จี 3ค่าย เข้าบอร์ด กทค. 18เม.ย.นี้

ชงสัญญา 3จี 3ค่าย เข้าบอร์ด กทค. 18เม.ย.นี้
 “ฐากร ตัณฑสิทธิ์” เลขาธิการ กสทช. เตรียมถกสัญญาให้บริการ 3จี บนคลื่น 2.1 กิกะเฮิรตซ์ เข้าบอร์ด กทค. วันที่ 18 เม.ย.นี้ ขณะที่ทยอยเปิดใช้ พ.ค. ...เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2556 นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ความคืบหน้าล่าสุดของการที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ตเวิร์ค จำกัด ในเครือบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส บริษัท ดีแทค เนทเวิร์ค จำกัด ในเครือ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค และบริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด (มหาชน) ในเครือบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ได้รับใบอนุญาตให้บริการ 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ เมื่อเดือน ธ.ค. 2555 ที่ผ่านมาเลขาฯ กสทช. กล่าวต่อว่า ล่าสุด ผู้ประกอบการทั้ง 3 ราย ได้ส่งสัญญาการให้บริการ 3จี มายัง กสทช.แล้ว โดยสำนักงาน กสทช. จะส่งสัญญาการให้บริการดังกล่าวให้กรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) พิจารณาในที่ประชุมบอร์ด กทค. ในวันที่ 18 เม.ย.นี้ ขณะที่ผู้ประกอบการได้ประสานมาว่าจะทยอยเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเดือน พ.ค.นี้ ส่วนกลางเดือน เม.ย. จะมีการทดลองทดสอบสัญญาณตามปกติ ประมาณ 15-20 วัน. 

จับตาศึกไลเซ่นส์โทรคมฯพม่า เอไอเอสถอนตัว เทเลนอร์-ทรูเสือซุ่ม

จับตาศึกไลเซ่นส์โทรคมฯพม่า เอไอเอสถอนตัว เทเลนอร์-ทรูเสือซุ่ม
เอไอเอส รับเข้าเกียร์ถอยจากโครงการประมูลไลเซ่นส์โทรคมนาคมในพม่าแล้ว เผยหมดสิทธิ์เพราะเงื่อนไขไม่ตรงสเปก ฟาก เทเลนอร์-ทรู ยังเดินหน้าลุยต่อ...นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า บริษัทได้ถอนตัวจากการยื่นประมูลใบอนุญาต (ไลเซ่นส์) ประกอบกิจการโทรคมนาคมในประเทศพม่าแล้ว เนื่องจากคุณสมบัติของบริษัทไม่ตรงกับเงื่อนไขที่รัฐบาลพม่ากำหนด ว่าต้องเป็นผู้ให้บริการในต่างประเทศ ไม่เฉพาะประเทศที่บริษัทตั้งอยู่ ซึ่งเอไอเอสไม่มีไม่ได้มองว่าเป็นการเสียโอกาสในทางธุรกิจ เป็นเพียงความไม่ชัดเจนที่เราไม่รู้ตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่เข้าไป เป็นความต้องการที่เกิดขึ้นในภายหลัง ซึ่งในฐานะเจ้าของสถานที่หรือเจ้าของประเทศ เขาก็สามารถทำได้โดยไม่ใช่เรื่องผิด และไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องร้องเรียนว่าไม่ยุติธรรมหรืออื่นๆ เพียงแต่ไม่ใช่ลักษณะเดียวกับการเมืองไทย ซึ่ง กสทช.จะระบุคุณสมบัติและรายละเอียดออกมาให้ทราบล่วงหน้า ขณะเดียวกัน โอกาสครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายและบริษัทไม่ได้มองว่าจะจบกับแค่โครงการนี้ แม้ว่าบริษัทจะผ่านเข้าไปได้ก็ยังไม่รู้จะสู้กับบริษัทอื่นๆ ที่ล้วนเป็นบริษัทใหญ่ระดับโลกได้หรือไม่ทั้งนี้ ในมุมของเอไอเอสก็ยังมีสิงเทล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเทมาเส็ก ยืนยันสู้ประมูลกับรายอื่นๆ ขณะที่อีก 2 ผู้ให้บริการเครือข่าย (โอเปอเรเตอร์) รายใหญ่ของไทย อย่างบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ก็เป็นอีกรายที่ไม่ได้ลงสนามศึกครั้งนี้ แต่มีบริษัทแม่อย่างเทเลนอร์ เป็นกองหน้าบุกลงสนามแทน ส่วนบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ก็มีกระแสข่าวว่าได้ตัดสินใจลงสู้ศึกครั้งนี้ เพื่อหวังบุกธุรกิจโทรคมนาคมในพม่าด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าจับตาว่า เทเลนอร์จะจริงจังกับการลุยสนามชิงไลเซ่นส์ครั้งนี้อยู่ไม่น้อย เพราะได้อดีตแม่ทัพคู่บุญดีแทค อย่าง ธนา เธียรอัจฉริยะ ที่หันหลังให้ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็มแซท จำกัด ในเครือบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) มารับหน้าที่ดูแลโครงการลุยธุรกิจโทรคมนาคมพม่าครั้งนี้ให้เทเลนอร์ เอเชีย โดยตรงอีกด้วย.

Wednesday, April 10, 2013

LINE ฉลองผู้ใช้ไทยถึง15ล้าน ดึงนิชคุณโปรโมต LINE PLAY

LINE ฉลองผู้ใช้ไทยถึง15ล้าน ดึงนิชคุณโปรโมต LINE PLAY
LINE ย้ำเทรนด์การสื่อสารบนมือถือโฉมใหม่เปิดตัว LINE PLAY ได้ไอดอล K-pop สมาชิก 2PM นิชคุณ หรเวชกุล เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรก พร้อมเปิดตัวอวตาร และห้องส่วนตัวเอาใจแฟนคลับ ขณะที่ผู้ใช้งานในไทยพุ่งทะลุ 15 ล้านรายเป็นอันดับ 2 ของโลก... นายลี จิน วู ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายธุรกิจ LINE และ LINE PLUS คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ยอดผู้ใช้ LINE ในประเทศไทย มีการเติบโตอย่างมาก โดยเพิ่มจาก 10 ล้านเป็น 15 ล้านคน ในระยะเวลาเพียง 4 เดือน กลายเป็นแพลตฟอร์มการสื่อสารบนมือถืออันดับ 1 ในประเทศไทย นอกจากความสำเร็จที่โดดเด่นของ LINE แล้ว LINE ยังได้เปิดตัว LINE PLAY การให้บริการการสื่อสารเสมือนจริงผ่านคาแรกเตอร์สุดน่ารักแบบใหม่ ทำให้ LINE ก้าวเข้าสู่ ‘สมาร์ทโฟน ไลฟ์ แพลตฟอร์ม’ (Smartphone Life Platform) อย่างเต็มรูปแบบ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายธุรกิจ LINE และ LINE PLUS กล่าวต่อว่า สำหรับ LINE PLAY การให้บริการสื่อสารผ่านอวตารที่เป็นเอกลักษณ์พร้อมเชื่อมคุณกับเพื่อนผ่าน LINE ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนกลายเป็นแฟชั่นใหม่ของโซเชียลไลฟ์ในแต่ละวัน บริการนี้ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้หลังเปิดตัวเมื่อปลายเดือน ก.พ.2556 ที่ผ่านมา โดยแอพพลิเคชั่นดังกล่าวได้ครองอันดับท็อปในชาร์ตแอพพลิเคชั่นฟรีทันทีหลัง จากเปิดตัวสู่ตลาดไปทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ไต้หวัน อินโดนีเซียและมาเลเซีย ก่อนหน้าที่ LINE PLAY เปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมกันทั่วโลก ผู้ใช้งานบางท่านอาจเคยได้เข้าไปลองเล่น LINE PLAY บ้างแล้ว ถือว่า LINE PLAY ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วเกินความคาดหมาย ผมเชื่อว่าผู้เล่นชาวไทยเปิดกว้างในการค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งสอดคล้องกับหัวใจสำคัญของ LINE PLAY ซึ่งเราจะเริ่มต้นจากประเทศไทยเป็นที่แรก โดยพวกเราเชื่อมั่นว่า LINE PLAY จะยังคงเป็นไอคอนทางวัฒนธรรมใหม่ของเจนเนอเรชั่นหนุ่มสาวในการสัมผัสประสบการณ์ใหม่บนโลกของมือถือ นายลี กล่าวอีกว่า มีการเปิดตัว แบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกในประเทศไทย ของ LINE PLAY คือ นิชคุณ หรเวชกุล ซุปเปอร์สตาร์ Kpop เกาหลีจากวง 2PM โดยเปิดตัวโฆษณาทางโทรทัศน์ตัวใหม่และเปิดห้องส่วนตัวใน LINE PLAY กับตัวอวตาร ซึ่งสร้างคล้ายชีวิตจริงของเขา โดยผู้เล่น LINE PLAY สามารถเข้าเยี่ยมห้องนิชคุณได้ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2556 เราเชื่อว่าด้วยความน่ารัก และมีเสน่ห์ของนิชคุณ จะทำให้ LINE PLAY เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เช่นเดียวกับ TrueMove H ได้ประกาศความร่วมมือกับ LINE PLAY เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มวัยรุ่นที่มี เทรนด์การสื่อสารรูปแบบใหม่มากขึ้น โดย TrueMove H ได้มอบประสบการณ์พิเศษสุดไม่เหมือนใคร ด้วยการเปิดตัวอวตารและห้องของ TrueMove H บน LINE PLAY ให้ผู้เล่นสามารถเข้าเยี่ยมชมและติดตามข่าวสารกิจกรรมดีๆ จาก TrueMove H ได้อีกด้วย  ด้าน นิชคุณ หรเวชกุล LINE PLAY แบรนด์แอมบาสเดอร์ กล่าวว่า ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีห้องและคาแรกเตอร์อวตารเป็นของตัวเอง ซึ่งผมสามารถตกแต่งห้องและเปลี่ยนชุดเองได้ทุกที่ทุกเวลา แฟนๆ ที่อยากเข้าเยี่ยมชมห้องผม ผมมั่นใจว่าทุกคนจะสนุกสนานกับการใช้ไอเท็มต่างๆ ในห้องผม โดยส่วนตัว ผมชอบการได้ลุ้นรางวัลจากการเสี่ยงดวงกับตู้หมุนไข่ (GACHA) และรอคอยที่จะเล่นกับแฟนๆ ในโลกเสมือนจริงที่สุดยอดแห่งนี้ครับ ส่วน นายธีรศักดิ์ อรุณเริ่มวัฒนะ รองผู้อํานวยการด้านบริหารแบรนด์และการสื่อสารเพื่อสร้างแบรนด์ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เพื่อตอกย้ำความสำเร็จจากสติกเกอร์ Mr.H ของ TrueMove บน LINE ทำให้ TrueMove H ได้เข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจอย่างเป็นทางการกับแอพพลิเคชั่นล่าสุดของ LINE อย่าง LINE PLAY และเป็นแบรนด์แรกของประเทศไทย” โดยคุณธีรศักดิ์ยังกล่าวเสริมอีกว่า “ด้วยความเป็นผู้นำด้านการให้บริการ 3G+ ของ TrueMove H ผู้เล่นจะสามารถสัมผัสประสบการณ์เสมือนจริงของ LINE PLAY ได้อย่างเต็มที่สำหรับ LINE PLAY นำเสนอพื้นที่เสมือนจริงที่มีความสดใสให้ผู้ใช้ได้แสดงความเป็นตัวตนและติดต่อกับเพื่อนๆ ผู้เล่นสามารถสร้างคาแรกเตอร์อวตาร รวมทั้งดีไซน์ห้องสไตล์ของผู้เล่นเอง ด้วยไอเท็มที่มีอยู่อย่างไม่จำกัด ซึ่งจะมีการอัพเดทอยู่เสมอ นอกจากนี้ ผู้เล่นยังสามารถติดต่อกับเพื่อนๆ ใน LINE หรือทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่เพื่อแชร์ความคิดและความสนใจผ่านพื้นที่อันไร้ขอบเขตแห่งนี้ได้ด้วย นอกจากการนำเสนอแพลตฟอร์มโซเชียลที่มีเอกลักษณ์อย่าง LINE PLAY แล้ว LINE ยังให้บริการส่งข้อความบนมือถือที่ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น ด้วยการอัพเกรดเวอร์ชั่นที่ใช้กับคอมพิวเตอร์พีซี ที่ผู้ใช้สามารถส่งไฟล์ได้จำนวนมากและจะแสดงความเป็นตัวตนของผู้ใช้ผ่านสติกเกอร์ออริจินอลที่มีให้เลือกมากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถใช้ LINE บน Nokia’s Asha สมาร์ทโฟน ซึ่งมีจำหน่ายที่ร้านโนเกียทั่วประเทศ ปัจจุบัน LINE สามารถใช้บริการได้ในหลากหลายระบบให้บริการมือถือทั้ง แอนดรอยด์ , BlackBerry, Window phone และ iPhone และเพื่อเป็นการฉลองที่ผู้ใช้ LINE ในประเทศไทย จะได้ฉลองการกลับมาของดาราระดับโลก กังนัมสไตล์ PSY ที่ LINE จะเปิดให้ผู้ใช้ได้ดาวน์โหลดสติกเกอร์ PSY ฟรีได้ถึง 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 10-12 เมษายน 2556 อีกด้วย.

เอไอเอสติดเครื่องรอ 4จี จ่อประมูลคลื่น1800MHzให้บริการ

เอไอเอสติดเครื่องรอ 4จี จ่อประมูลคลื่น1800MHzให้บริการ
เอไอเอส เผยรอดูทีท่าสัมปทานคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ จาก 2 ค่ายที่กำลังจะหมดสัญญาเดือน ก.ย.นี้ แย้มพร้อมประมูลเพื่อทำ 4จี ทันที ไม่ทิ้งโอกาสทางทีโอที เล็งคุยต่อยอดธุรกิจ...นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า กรณีย่านความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์ ที่บริษัท ทรูมูฟ จำกัด และบริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด จะหมดสัญญาสัมปทานในเดือน ก.ย.นี้ หากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งขาติ (กสทช.) สามารถเรียกคืนคลื่นความถี่มาจัดสรรใหม่ได้ เอไอเอสก็พร้อมจะเข้าประมูลคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ เพื่อให้บริการ 4จี ทันทีนอกจากนี้ บริษัทยังมีอีกโครงสร้างที่พิจารณาไว้ คือ จากการที่บริษัทและบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ได้เป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการใช้โครงข่ายร่วม (โรมมิ่ง) ซึ่งเอไอเอสและทีโอทีให้บริการร่วมกันทั้งด้านเสียง (วอยซ์) และบริการข้อมูล (ดาต้า) อาจนำไปสู่การต่อยอดเพื่อให้บริการ 4 จี บนคลื่น 2.3 กิกะเฮิรตซ์ ซึ่งทีโอทีถือครองคลื่นดังกล่าวเป็นจำนวน 64 เมกะเฮิรตซ์ แต่ขั้นตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกันว่าจะสามารถต่อยอดเป็นบริการได้ลักษณะใดบ้าง.

เอชทีซี แนะการถ่ายรูปสวยๆช่วงเที่ยวสงกรานต์

เอชทีซี แนะการถ่ายรูปสวยๆช่วงเที่ยวสงกรานต์
สงกรานต์นี้ เอชทีซีชวนไปลุยน้ำกับ HTC Butterfly เที่ยวให้สนุกนอกบ้าน พร้อมแนะนำเทคนิคถ่ายรูปง่ายๆ ให้คุณมีภาพสวยเก๋กว่าใคร  กับสมาร์ทดฟนกันน้ำสุดชิค ที่หนุ่มสาวยุคนี้อาจจะต้องอยากมีไว้สักเครื่อง... ใกล้เข้ามาทุกทีกับเทศกาลสงกรานต์ที่ทุกคนรอคอย แน่นอนว่าหลายๆคนคงมีโปรแกรมท่องเที่ยวพักผ่อน ทั้งในและต่างประเทศกันแล้ว โดยเฉพาะสาวๆที่เตรียมพร้อมทั้งเสื้อตัวเก่ง กับแว่นกันแดดสุดชิค และที่ขาดไม่ได้ก็คงเป็นสมาร์ทโฟนคู่ใจของคุณ ที่จะไม่ทำให้คุณไม่พลาดทุกการอัพเดตข้อมูลต่างๆ ทั้งภาพถ่ายที่ช่วยบันทึกความทรงจำดีๆ พร้อมทั้งแชร์ความประทับใจลงบนโซเชียลเน็ตเวิร์คของคุณได้อีกด้วย  มาเตรียมตัวให้พร้อมกับซัมเมอร์สุดพิเศษของคุณ วันนี้ เอชทีซี ขอแนะนำเทคนิคถ่ายรูปง่ายๆแบบมืออาชีพด้วยสมาร์ทโฟน ให้คุณมีภาพสวยๆเก๋ๆกว่าใครแน่นอน!!มุมมองและความคิดสร้างสรรค์                                                                                  การถ่ายรูปจากมือถือโดยส่วนใหญ่มักจะเป็นการถ่ายภาพคน การเพิ่มมุมมองและความคิดสร้างสรรค์เข้าไปจะช่วยให้ได้ภาพที่ดูแปลกตา และเก๋มากยิ่งขึ้นอย่างเช่น หากว่าเราเจอสิ่งที่เราอยากถ่ายจากที่จะถ่ายมาเฉยก็เปลี่ยนเป็นลองเดินเข้าไปมีส่วนร่วมกับสิ่งนั้น เพิ่มความคิดสร้างสรรค์และมุมมองเข้าไปก็จะได้ภาพเก๋ๆไว้ดูกันขยับเข้าใกล้เป้าหมายให้มากที่สุด                                                                             หนึ่งในความผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุด คือ การถ่ายรูปที่ยืนห่างจากวัตถุหรือคนเกินไป หาจุดที่ถ่ายแล้วแสดงรายละเอียดของวัตถุได้เหมาะสม และอย่าลืมถ่ายในมุมมองอื่นๆ เผื่อนำมาแก้ไขหรือปรับแต่งภายหลังจะได้มีทางเลือกมากขึ้น ดังนั้นถ้าสาว หรือ หนุ่มที่เล่นน้ำอยู่ข้าหน้าสวยหล่อน่ารัก โดนใจ และหากต้องการภาพเซลฟ์แคมดีๆ คุณต้องใจกล้าแล้วซูมด้วยเท้าเข้าไปขอถ่ายรูปใกล้ๆ เลยหลีกเลี่ยงการใช้ดิจิตอลซูม (Digital Zoom)อย่างที่บอกว่าต้องซูมเท้า เพราะถึงแม้ว่าการซูมมันน่าสนใจเมื่อถ่ายภาพ แต่อย่าลืมว่าการซูมดิจิตอลนั้นลดคุณภาพของภาพลงอย่างเห็นได้ชัด หากเป็นไปได้ถ่ายรูปโดยไม่ซูมและนำมาแก้ไขตัดเอาเฉพาะจุดที่สนใจภายหลังดีกว่า ยกเว้นแต่จะมีฟีเจอร์ออปติคอลซูม (Optical Zoom) เรียนรู้การจัดองค์ประกอบRules of Third หรือการวางภาพแบบ 1 ใน 3 ส่วน ซึ่งหลักการง่ายๆก็บอกว่า อย่าได้พยายามวางสิ่งของหรือ คน ที่ต้องให้เด่นไว้กลางภาพ พยายามให้กระเถิบเข้ามาแค่ 1 ใน 3 ส่วนก็พอ จะเป็นภาพที่ดูเป็นธรรมชาติในการจับตามองมากกว่า ครั้งหน้ามารู้จักหลักการนี้ให้มากขึ้นครับ และถ้าใครกำลังมองหาสมาร์ทโฟนสักเครื่องไว้ลุยสำหรับสงกรานต์นี้ คงต้องขอแนะนำ HTC Butterfly สุดยอดสมาร์ทโฟนหน้าจอ 5 นิ้ว Full HD 1080p ที่มีระบบป้องกันน้ำ (Shower proof) ให้คุณได้สนุกไปกับสงกรานต์นี้แบบไม่กลัวเปียก แน่นอนและยังมาพร้อมสุดยอดฟีเจอร์มากมายอย่างกล้องหน้าเลนส์มุมกว้าง ที่จะให้คุณได้สนุกไปกับการถ่ายภาพกับเพื่อนๆ ด้วยฟังก์ชั่นที่ใส่มาอย่าครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบเสียงบีทส์ออดิโอ พร้อมจะตอบสนองทุก ไลฟ์สไตล์ไม่ว่าคุณจะเป็นคนชอบถ่ายรูป ดูหนัง หรือฟังเพลง ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้เป็นสมาร์ทโฟนแห่งอนาคตพร้อมมอบประสบการณ์อย่างที่คุณ ไม่เคยสัมผัสจากสมาร์ทโฟนเครื่องไหนที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณในร้อนนี้ให้สนุกขึ้นกว่าทุกปี.

Tuesday, April 9, 2013

เนคเทค เปิดตัวแอพฯ S-Sense ติดตามความรู้สึกบนโซเชียล

เนคเทค เปิดตัวแอพฯ S-Sense ติดตามความรู้สึกบนโซเชียล
เนคเทค เปิดตัวแอพฯ S-Sense ให้ประชาชนทั่วไปได้ติดตามข้อมูลความรู้สึกของผู้ที่ใช้ภาษาไทยบนโซเซียลมีเดียแบบเรียลไทม์...กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เดินหน้าส่งผลงานสู่ภาคธุรกิจและสังคมอย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพื่อหลุดพ้นจากประเทศรายได้ปานกลาง ด้วยการใช้นวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ ล่าสุดประกาศเปิดตัวแอพพลิเคชั่น S-Sense แอพฯ วัดความรู้สึกคนไทยบนโซเซียลมีเดีย พร้อมเปิดเว็บไซต์ http://pop.ssense.in.th ให้ประชาชนทั่วไปได้ติดตามข้อมูลความรู้สึกของผู้ที่ใช้ภาษาไทยบนโซเซียลมีเดียแบบเรียลไทม์ ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายถ่ายทอดเทคโนโลยีดังกล่าวให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ใช้การติดตามแบรนด์ หรือการวิจัยตลาด ใช้สำรวจความพึงพอใจและติดตามทัศนคติของสาธารณะ ที่มีต่อผลิตภัณฑ์และบริการของตัวเอง เพื่อให้ได้มาซึ่งความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ให้ดียิ่งขึ้น และช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้สูงยิ่งขึ้น อันจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเอสเอ็มอี ด้วยเทคโนโลยีซอฟต์แวร์และสารสนเทศดิจิตอล และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวตัวอย่างประโยชน์ที่ได้รับจากแอพพลิเคชั่น S-Sense ทีมนีกวิจัยเนคเทคได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจ ล่าสุดพบว่าในช่วงเดือน ม.ค. ถึง มี.ค.2556 สถานที่ท่องเที่ยวที่มีการพูดถึงบนโลกโซเซียลมีเดียและเช็กอินมากที่สุด 10 อันดับแรก คือ 1.พารากอน 2.เซ็นทรัลเวิลด์ 3.เชียงใหม่ 4.เขาใหญ่ 5.เยาวราช 6.สวนสยาม 7.เอเชียทีค 8.ปาย 9.สวนรถไฟ 10.หอศิลป์สถานที่ท่องเที่ยวที่มีคนโลกโซเซียลมีเดียกล่าวเชิงบวกมากที่สุด 10 อันดับแรกคือ 1.ถนนข้าวสาร 2.สวนสยาม 3.หอศิลป์ 4.เชียงคาน 5.อัมพวา 6.วังน้ำเขียว 7.พารากอน 8.เกาะล้าน 9.ภูหินร่องกล้า 10.แม่สายสถานที่ท่องเที่ยวที่มีคนโลกโซเซียลมีเดียกล่าวเชิงลบ (negative) มากที่สุด 10 อันดับแรกคือ 1.ภูชี้ฟ้า 2.แก่งกระจาน 3.แม่ฮ่องสอน 4.ปราสาทพระวิหาร 5.เขาพระวิหาร 6.สวนจตุจักร 7.ปาย 8.เชียงใหม่ 9.เขาค้อ 10.สวนลุมเอสเซนส์ (S-Sense: Social Sensing) เป็นเครื่องมือสำหรับรวบรวม ติดตามวิเคราะห์ ประมวลผลข้อความบนโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยูทูบ พันทิป เนื่องจากข้อความส่วนใหญ่ในโลกไซเบอร์ นิยมใช้ภาษาที่ไม่เป็นทางการ หรือภาษาพูด รวมทั้งมีโครงสร้างประโยคที่ไม่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ภาษาไทย จึงทำให้ยากต่อการวิเคราะห์ ดังนั้น เทคโนโลยีของ S-Sense จึงถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาด้วยเทคนิคการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing) การทำเหมืองข้อความ (Text Mining) และการวิเคราะห์อารมณ์และความรู้สึก จากข้อความ (Sentiment Analysis) เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ข้อความที่ใช้ภาษาพูดและไม่เป็นทางการได้อย่างมีประสิทธิภาพระบบ S-Sense สามารถนำมาช่วยให้ธุรกิจ หรือองค์กรรับรู้กิจกรรมความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรของตนและตรวจสอบความพึงพอใจและติดตามทัศนคติของสาธารณะที่มีต่อยี่ห้อ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการต่างๆ ของตนได้ เพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ขณะที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานต่างๆ ได้ดังต่อนี้ การติดตามแบรนด์ หรือการวิจัยตลาดเพื่อสำรวจความพึงพอใจ และติดตามทัศนคติของสาธารณะ ที่มีต่อผลิตภัณฑ์และบริการของตัวเอง หรือของคู่แข่ง เพื่อให้ได้มาซึ่งความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ให้ดียิ่งขึ้น และช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้สูงยิ่งขึ้น การสำรวจผลการตอบรับของลูกค้า หรือสาธารณชนที่มีต่อผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือแคมเปญใหม่การสำรวจความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กร โดยวิเคราะห์ข้อความที่เกี่ยวข้องกับองค์กรที่พนักงานได้โพสต์เป็นคำถาม หรือแสดงความคิดเห็นสำหรับผู้สนใจทั่วไป สามารถเข้าชมและพบกับทีมนักวิจัยผู้พัฒนาระบบ S-Sense ได้ที่บูธนิทรรศการหมายเลข ๒๐๗ ในงาน Thailand Online Expo ENJOY THE FUTURE ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-28 เม.ย.2556 และลงทะเบียนเข้าร่วมรับฟังการเปิดตัวแอพพลิเคชั่น S-Sense อย่างเป็นทางการในเวทีโฟกัส กรุ๊ป วันที่ 25 เม.ย. 2556 เวลา 13.00 น. ลงทะเบียนได้ที่ http://www.thailandonlineexpo.com/

ส.ว.ได้ฤกษ์ทำคลอด5 ซุปเปอร์บอร์ดกสทช.

ส.ว.ได้ฤกษ์ทำคลอด5 ซุปเปอร์บอร์ดกสทช.
ส.ว.ลงคะแนนลับ เลือกซุปเปอร์บอร์ด กสทช. จำนวน 5 ราย ทำหน้าที่ทั้ง 5 ด้านแล้ว ฮือฮาบิ๊กทหารเข้าวิน 2 ใน 5 ราย ทั้งพล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร และ พล.อ.บุญยวัจน์ เครือหงส์...เมื่อวันที่ 9 เม.ย. มีรายงานว่า ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา โดยนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานเพื่อพิจารณาคัดเลือกกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 มาตรา 70 หรือซุปเปอร์บอร์ด กสทช. หลังจาก ม.ร.ว.วุฒิเลิศ เทวกุล ส.ว.สรรหา ประธานคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้สมควรได้รับคัดเลือกฯ ทั้ง 10 คน รายงานผลการศึกษาต่อที่ประชุมแล้วมีการประชุมลับเพื่อพิจารณาข้อมูลที่เป็นข้อร้องเรียน ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้ จากนั้นจึงมีการลงคะแนนแบบลับต่อมานายนิคม แจ้งผลการนับคะแนน ดังนี้ (1) ด้านกิจการกระจายเสียง ได้แก่ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ชนะ น.ส.ลักษมี ศรีสมเพ็ชร กรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเชียงใหม่ (กรอ.เชียงใหม่) ด้วยคะแนน 74 ต่อ 70 (2) ด้านกิจการโทรทัศน์ นายพิชัย อุตมาพินันท์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการกฎหมายสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ชนะ พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ อดีตที่ปรึกษากรรมการ บริษัท กิจการโทรทัศน์กองทัพบก ด้วยคะแนน 90 ต่อ 48 (3)    ด้านกิจการโทรคมนาคม นายอมรเทพ จิรัฐิติเจริญ นักวิชาการมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ชนะนายอนันต์ วรธิติพงศ์ อดีตส.ว.สรรหา ด้วยคะแนน 81 ต่อ 63 (4) ด้านกิจการส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชน พล.อ.บุญยวัจน์ เครือหงส์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกลาโหม ชนะนายจเด็จ อินสว่าง อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ด้วยคะแนน 82 ต่อ 63 และ (5) ด้านคุ้มครองผู้บริโภค นายประเสริฐ อภิปุญญา ชนะนายพันธ์ศักดิ์ จันทร์ปัญญา ด้วยคะแนน 75 ต่อ 69สำหรับซุปเปอร์บอร์ด กสทช. ถูกกำหนดให้ดำรงตำแหน่งวาระละ 3 ปี และเป็นได้ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน มีหน้าที่หลักคือ ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินการและการบริหารงานของ กสทช. กสท. กทค. สำนักงาน กสทช. และเลขาฯ กสทช. แล้วแจ้งผลให้ กสทช.ทราบภายใน 90 วัน นับแต่วันสิ้นปีบัญชี และให้ กสทช. นำรายงานดังกล่าวเสนอต่อรัฐสภา พร้อมรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีของ กสทช. และเปิดเผยรายงานดังกล่าวให้ประชาชนทราบทางระบบเครือข่ายสารสนเทศของสำนักงาน กสทช. หรือวิธีการอื่นที่เห็นสมควร.

ลูกค้าเอไอเอสเฮ! 3จีพร้อมใช้18จังหวัด ให้สิทธิ์2แสนคนแรกทดลอง

ลูกค้าเอไอเอสเฮ! 3จีพร้อมใช้18จังหวัด ให้สิทธิ์2แสนคนแรกทดลอง
เอไอเอส แซงเปิดตัวบริการ 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์อย่างเป็นทางการ ตั้งเป้าลูกค้าใช้งานครบ 10 ล้านรายภายในสิ้นปี ยันสถานีฐานพร้อมใช้แล้ว 3,600 สถานี...เมื่อวันที่ 9 เม.ย. นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า ภายหลังได้รับใบอนุญาต (ไลเซ่นส์) คลื่น 2.1 กิกะเฮิรตซ์ จากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่าน ปัจจุบันบริษัทสามารถเริ่มให้บริการ 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ได้แล้ว โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการเลือกสุ่มลูกค้าเอไอเอสทั้งในระบบพรีเพด (เติมเงิน) และโพสต์เพด (รายเดือน) จำนวน 2 แสนเลขหมาย จากในพื้นที่หัวเมือง 18 จังหวัดรวมถึงกรุงเทพฯ ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ แรนดอม (Electronics Random) เพื่อทดลองใช้บริการ 3จี คลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ที่จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการภายในเดือนพฤษภาคมนี้นายวิเชียร กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในการให้บริการ 3จี คลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ บริษัทจะยังใช้แพ็กเกจค่าบริการดาต้าในปัจจุบันแต่จะมีการปรับเพิ่มปริมาณให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้มากขึ้น โดยลูกค้าลอตแรกจำนวน 2 แสนรายนี้ถือเป็นลูกค้ากลุ่มแรกที่ได้ใช้บริการ 3จี บนไลเซ่นส์ที่ได้จาก กสทช. ซึ่งถือเป็นความถี่ใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครใช้งานมาก่อน ทั้งยังถือเป็นมิติใหม่ในการใช้งานและการให้บริการอีกด้วยทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีสถานีฐาน 3จี จำนวน 3,600 สถานี และคาดว่าจะขยายได้เป็น 3,800 สถานีภายในต้นเดือนพฤษภาคม และครบ 9,000 สถานีภายในสิ้นปี ส่วนงบประมาณ 70,000 ล้านบาทที่ใช้ในการเตรียมบริการ 3จี ภายใต้ช่วงเวลา 3 ปีนั้น บริษัทตั้งเป้าขยายสถานีฐานได้ครอบคลุม 20,000 สถานี ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2557 สำหรับการเปิดให้บริการ 3จี บนคลื่น 2.1 กิกะเฮิรตซ์ของผู้ให้บริการเครือข่าย (โอเปอเรเตอร์) แต่ละรายนั้น หากไม่นับรวมเทคโนโลยีที่มีความใกล้เคียงกัน ความท้าทายจะอยู่ที่การมอบประสบการณ์เชิงบวกในการใช้งานแก่ลูกค้า ว่าใครจะสามารถมอบบริการและความพึงพอใจสูงสุดให้ลูกค้าได้นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาดและการขาย เอไอเอส กล่าวว่า ในการเลือกสุ่มลูกค้าเพื่อใช้บริการ 3จี คลื่น 2.1 กิกะเฮิรตซ์นั้น มี 3 ปัจจัยในการพิจารณา คือ ความพร้อมของซิมการ์ด ความพร้อมของอุปกรณ์ของลูกค้า และการอยู่ในพื้นที่ให้บริการ นอกจากนี้ยังต้องเป็นผู้ที่มีการใช้งานดาต้าด้วย โดยบริการ 3จี บนคลื่นความถี่ใหม่ในครั้งนี้ บริษัทนำเสนอการใช้งานที่แตกต่างจากเดิม ทั้งประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดและการให้บริการที่ดีที่สุด เพื่อสร้างการให้บริการยุคใหม่แก่ลูกค้า ขณะเดียวกันบริษัทก็จะนำเสนออุปกรณ์การใช้งานที่สามารถรองรับบริการบนคลื่นความถี่ใหม่ซึ่งบริษัทมีให้เลือกหลากหลายในทุกระดับ อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้าผู้ใช้บริการบนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ราว 10 ล้านเลขหมายภายในสิ้นปีนี้ โดยแบ่งเป็นทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าปัจจุบันที่ย้ายมาใช้งานบนคลื่นความถี่ใหม่สำหรับ 18 จังหวัด ที่เอไอเอสเลือกสุ่มลูกค้าให้ใช้บริการ 3จี บนคลื่น 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ได้แก่ กรุงเทพฯ , นนทบุรี , ปทุมธานี , สมุทรปราการ , เชียงใหม่ , เชียงราย , พิษณุโลก , ภูเก็ต , สงขลา , ชลบุรี , ระยอง ,อุดรธานี , ขอบแก่น , นครราชสีมา , นครปฐม , อยุธยา , ประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรีผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเปิดตัวบริการ 3จี คลื่น 2.1 กิกะเฮิรตซ์ครั้งนี้ เอไอเอสได้จัดทดสอบความเร็วในการให้บริการ โดยมีการทดสอบจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสยาม-ช่องนนทรี ซึ่งผลการทดสอบนั้นพบว่ามีบริการดังกล่าวให้ความเร็วในดาวน์โหลดเฉลี่ย 19Mbps. 

Monday, April 8, 2013

อีเอ็มซี ปรับทัพฝ่ายขาย-บริการ หนุนธุรกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

อีเอ็มซี ปรับทัพฝ่ายขาย-บริการ หนุนธุรกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อีเอ็มซี แต่งตั้ง โธมัส แซ็ค นั่งเก้าอี้ประธานประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หวังเดินหน้าธุรกิจด้านคลาวด์คอมพิวติ้ง บิ๊กดาต้า และระบบไอทีที่ไว้ใจได้ เป็นทางเลือกไอทีองค์กร...เมื่อเร็วๆ นี้ อีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น องค์กรด้านการพัฒนาและจัดหาโซลูชั่นและเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้ประกาศแต่งตั้ง นายโธมัส (ทอม) แซ็ค ให้ดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายขายและการบริการลูกค้าประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมุ่งเน้นการพัฒนากลยุทธ์และธุรกิจ เพื่อขยายและเร่งการเติบโตและความเป็นผู้นำของอีเอ็มซีอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคดังกล่าว พร้อมนำเสนอและสนับสนุนผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชั่นของอีเอ็มซีในตลาดเก่าและตลาดใหม่ ควบคู่การปรับปรุงสัมพันธภาพกับคู่ค้าและตัวแทนจำหน่ายทั้งนี้ การแต่งตั้งผู้บริหารในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายธุรกิจของอีเอ็มซีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนายแซ็ค จะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ลูกค้าและคู่ค้าปฏิรูประบบไอทีโดยใช้เทคโนโลยีของอีเอ็มซี และจัดหาไอทีในรูปแบบของบริการ (IT as a Service) ผ่านทางคลาวด์คอมพิวติ้ง รวมถึงการใช้บิ๊กดาต้าเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจ และยกระดับการสร้างสรรค์นวัตกรรมภายใต้สภาพแวดล้อมไอทีที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือโดยก่อนหน้า จะเข้าร่วมงานกับอีเอ็มซี นายแซ็ค เคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของเอสเอพี (SAP) ในประเทศไทย และก่อนหน้านั้นยังเคยทำงานให้กับเรดแฮท (Red Hat) โดยทำหน้าที่บริหารจัดการงานขายทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและญี่ปุ่นในฐานะรองประธาน นอกจากนี้นายแซ็คยังเคยทำงานที่ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ (Hitachi Data Systems) ในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงและผู้จัดการหลากหลายตำแหน่ง รวมถึงรองประธานและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียใต้ ส่งผลให้มีประสบการณ์การทำงานกว่า 27 ปี ในอุตสาหกรรมไอทีนายเดวิด เว็บสเตอร์ ประธานประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและญี่ปุ่น และรองประธานอาวุโส อีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ทอม แซ็ค เป็นผู้บริหารที่มีความสามารถโดดเด่น ประสบความสำเร็จในการทำงานมาโดยตลอด มั่นใจว่าเขาจะสามารถขับเคลื่อนการขยายธุรกิจของอีเอ็มซีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าและตัวแทนจำหน่าย รวมถึงการพัฒนาบุคลากรฝ่ายขายของเราในภูมิภาคนี้.

เปิดตัว ทอฝัน2.0 ภาคต่อโซเชียลมีเดียบล็อกเลือดไทย

เปิดตัว ทอฝัน2.0 ภาคต่อโซเชียลมีเดียบล็อกเลือดไทย
เว็บทอฝัน เปิดตัวเวอร์ชั่น 2.0 ชูจุดเด่นโซเชียลมีเดียบล็อกฝีมือคนไทย พัฒนาหมวดเขียนบล็อกเพิ่มเป็น 12 หัวข้อ พร้อมคงคอนเซปต์ความสุขของการแบ่งปัน...เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ทอฝัน จำกัด ผู้ให้บริการ www.thorfun.com โซเชียลมีเดียบล็อก (social media blog) แห่งแรกของคนไทย ได้เปิดตัวเวอร์ชั่นใหม่ Thorfun 2.0 - The New Beginning : เวลาแห่งการเริ่มต้นใหม่ โดย นายมาวิน จิรไพศาลกุล กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท ทอฝัน จำกัด กล่าวว่า เราพัฒนาทอฝัน 2.0 หลังจากที่ทอฝัน 1.0 ได้รับความสนใจจากสมาชิกบล็อกเกอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงพัฒนาและเพิ่มลูกเล่นให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยยังคงมุ่งเน้นดำเนินงานตามแนวคิดพื้นฐานที่อยากให้ทอฝันเป็นสังคมที่ความสุขสามารถแบ่งปันร่วมกันได้ด้วยการเขียนเล่าเรื่องราวดีๆ ถึงกันสำหรับแนวทางการดำเนินงานของเว็บไซต์ทอฝัน ผู้ที่เข้ามาเขียนบล็อกภายในเว็บไซต์ทอฝันจะได้ประโยชน์ 4 ด้าน คือ แบ่งปันความสนุก แบ่งปันบล็อก แบ่งปันสังคม และแบ่งปันรายได้ ภายใต้โครงสร้างที่ทำให้งานขียนของทุกคนมีมูลค่า จากระบบการแบ่งปันรายได้การขายโฆษณาในสัดส่วน 51%ส่วนความเปลี่ยนแปลงในการใช้งานทอฝัน 2.0 คือ ผู้ใช้งานจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่ช่วยยกระดับการเขียนบล็อกให้ดียิ่งขึ้น อาทิ ลูกเล่น feed ข่าวเพื่อติดตามความคลื่อนไหวของบล็อกเกอร์คนอื่น , filter ต่างๆ ที่ช่วยให้การจัดการบล็อกเป็นไปอย่างง่ายดายมากขึ้น , chat box ที่เปิดโอกาสให้บล็อกเกอร์ทุกคนสื่อสารกันได้ง่ายขึ้น รวมถึงหมวดสำหรับการเขียนบล็อกที่มีเพิ่มขึ้นเป็น 12 หัวข้อ ได้แก่ หมวดมุมมองชีวิต (Life) หมวดแฟชั่นและความสวยความงาม (Fashion) หมวดสุขภาพ (Health) หมวดเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ (Technology) หมวดการเมือง (Politics) หมวดรีวิวร้านอาหาร (Restaurant) หมวดท่องเที่ยว (Travel) หมวดนิยาย (Novel) หมวดไดอารี (Diary) หมวดกีฬา (Sport) หมวดทั่วไป (General) และหมวดธุรกิจ (Business). 

โซเชียลจุดกระแส พี่มากพระโขนง บอกปากต่อปาก รายได้เหยียบ300ล้าน!

โซเชียลจุดกระแส พี่มากพระโขนง บอกปากต่อปาก รายได้เหยียบ300ล้าน!
จับตาหนังไทยฟอร์มดี กล้าแหวกแนวเนื้อเรื่องในแบบเดิมอย่าง พี่มาก...พระโขนง เป็นแนวตลกปนความซาบซึ้ง และเอกลักษณ์ความน่ากลัวในแบบหนังสยองขวัญ จะครองใจคนดูและคนออนไลน์บนโซเชียลต่างๆ อีกเพียงใด...ถือเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่มีกระแสมาแรงน่าจับตา กับเรื่อง พี่มาก...พระโขนง ทั้งที่เพิ่งเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2556 นับเวลาได้เพียง 11 วัน แต่สามารถทำรายได้ทะยานไปถึง 260 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่ธรรมดาสำหรับการเข้าฉายของภาพยนตร์ไทย โดยหลายฝ่ายได้คาดการณ์ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้อาจทำรายได้สูงถึง 400 ล้านบาทเลยทีเดียวหากไม่นับรวมกระแสความดังของตัวละครหลักอย่าง มาริโอ้ เมาเร่อ , ใหม่ ดาวิกา และก๊วนเพื่อนที่มีความตลกเป็นพื้นฐาน อย่าง ฟรอยด์ ณัฏฐพงศ์ , เผือก พงศธร , เชน อัฒรุต , บอมบ์ กันตพัฒน์ กระแสความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว เริ่มตั้งแต่ช่วงต้นเดือน มี.ค. จากการที่ค่ายน้ำดำยี่ห้อหนึ่งได้เผยแพร่คลิปวิดีโอซึ่งระบุว่าเป็นคลิปพิเศษของภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว โดยนำเสนอเนื้อหาในมุมที่แตกต่างจากภาคอื่นๆ ในอดีต ผ่านตำนานความรักที่เต็มไปด้วยเรื่องราวความตลกและเนื้อหาในแบบที่คาดเดาไม่ได้ ทำให้ในช่วงที่มีการเผยแพร่คลิปดังกล่าว มีผู้ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กแชร์คลิปพิเศษดังกล่าวเป็นจำนวนมากขณะเดียวกัน เว็บบอร์ดชื่อดังอย่าง พันทิป (pantip.com) ก็มีการพูดคุยเกี่ยวกับกระแสภาพยนตร์ พี่มาก...พระโขนง ในประเด็นความประทับใจจากการชมภาพยนตร์ , การเปรียบเทียบความสวยของนางเอกในแต่ละภาค , คาดการณ์รายได้สูงสุดของภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ฯลฯ ประกอบกับความแปลกของตำนานความรักของตัวเองอย่าง มาก และ นาก รวมถึงกระแสรายได้ของภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ที่สามารถทำรายได้ทะลุ 200 ล้านบาท ได้ภายใน 10 วันแรก นับเป็นภาพยนตร์ที่สร้างรายได้มากที่สุดของค่ายจีทีเอช ขณะที่เรื่อง นางนาก ซึ่งถือเป็นภาคตำนานรักอันน่ากลัวและซาบซึ้งที่เข้าฉายเมื่อปี 2542 นั้น อยู่ในอันดับ 9 ของภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดในประเทศไทย ด้วยรายได้ 149.60 ล้านบาทสำหรับอันดับภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในประเทศไทย 5 อันดับแรก ในขณะนี้ (ข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 8 เม.ย.2556 จากวิกิพีเดีย) ได้แก่ 1. สุริโยไท ค่ายสหมงคลฟิล์ม-พร้อมมิตร เข้าฉายเมื่อปี 2544 ทำรายได้ 550 ล้านบาท 2. พี่มาก...พระโขนง ข้อมูล ณ วันที่ 7 เม.ย.2556 และยังอยู่ในโปรแกรมฉาย อยู่ที่ 261.0 ล้านบาท 3. ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 1 เข้าฉายเมื่อปี 2550 ทำรายได้ 219.06 ล้านบาท 4. ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 2 เข้าฉายปี 2550 ทำรายได้ 216.87 ล้านบาท และ 5. ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3 ยุทธนาวี เข้าฉายปี 2554 ทำรายได้ 203.7 ล้านบาทนอกจากการบอกแบบปากต่อปากถึงความตลกปนซาบซึ้งและน่ากลัวที่แฝงอยู่ ขณะนี้ ยังมีคลิปวิดีโอท่าเต้น เพลงกองพัน ที่มีปรากฏอยู่ในภาพยนตร์พี่มาก...พระโขนง ถูกแชร์กันอย่างแพร่หลายบนเฟซบุ๊กอีกด้วย ใครจะลองซ้อมเต้นซ้อมร้องตามไปด้วยก็ไม่เสียหาย.

Sunday, April 7, 2013

เร่งพัฒนาการให้บริการไอซีที ผู้พิการ

เร่งพัฒนาการให้บริการไอซีที ผู้พิการ
กระทรวงไอซีที เดินหน้าสร้างความเท่าเทียมในสังคม เร่งพัฒนาการให้บริการไอซีที พร้อมจัดทำเว็บท่า ชื่อ www.pwdsthai.com เพื่อให้เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูล องค์ความรู้ สำหรับคนพิการ... นายไชยยันต์ พึ่งเกียรติไพโรจน์ ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวถึงโครงการที่กระทรวงไอซีที ได้ดำเนินการเพื่อพัฒนาการให้บริการไอซีที สำหรับผู้พิการว่า กระทรวงไอซีทีเร่งดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อให้สอดรับกับกฎกระทรวง และนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ภายหลังที่มีการประกาศใช้กฎกระทรวง ตามมาตรา 20 (6) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2554 ซึ่งระบุไว้ว่ากระทรวงฯ ต้องดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสาร การสื่อสาร บริการโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสื่อสาร และบริการสื่อสาธารณะ โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างให้คนพิการและผู้ด้อยโอกาสมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อาทิ การพัฒนาเว็บท่า (Web Portal) สำหรับคนพิการ ภายใต้ชื่อว่า www.pwdsthai.com เพื่อให้เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูล องค์ความรู้ และเป็นศูนย์กลางบริการข้อมูลให้คนพิการได้นำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันและการประกอบอาชีพ โดยมีการจัดสัมมนาให้ความรู้แก่ทั้งผู้พิการและผู้พัฒนาเว็บท่ามาโดยตลอด เพื่อให้เว็บท่านี้เป็นประโยชน์ต่อผู้พิการและผู้ด้อยโอกาสอย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งดำเนินการ เปิดศูนย์ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและเทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ เพื่อให้บริการทั้งการให้การให้ยืม อุปกรณ์ เครื่องมือ และโปรแกรมที่ใช้กับคนพิการ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางในการประสานงานระหว่างส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมถึงมีห้องฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารให้กับคนพิการ ผู้ปกครอง ผู้พิทักษ์ ผู้อนุบาล ผู้ดูแล และผู้ช่วยคนพิการ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการส่งเสริมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยในระยะแรกมีผู้ให้ความสนใจเข้าใช้บริการจากศูนย์ฯ และเข้ารับการอบรมในหลักสูตรต่างๆ แล้วกว่า 800 คน อาทิ การพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้สำหรับผู้ดูแลเนื้อหาเว็บไซต์ การพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ด้วย HTML สำหรับโปรแกรมเมอร์ และเดอะเทรนเนอร์ สำหรับคนพิการทางการเคลื่อนไหว เป็นต้น สำหรับในปี 2556 มีเป้าหมายในการขยายการให้บริการ โดยจัดหาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการเพิ่มขึ้นอีก 18 รายการ รวมกว่า 2,000 ชิ้น อาทิ โปรแกรมอ่านหน้าจอ (Screen Reader) เครื่องพิมพ์อักษรเบรลล์ (Braille Printer) โปรแกรมขยายหน้าจอ (Zoom Text) เครื่องช่วยสื่อสารพร้อมอุปกรณ์ ต่อพ่วงสำหรับคนพิการ เครื่องอ่านหนังสือสำหรับคนพิการ โปรแกรมคอมพิวเตอร์แปลภาพเป็นอักษรและมีเสียงสังเคราะห์ เป็นต้น นอกจากนั้นยังได้ประสานหน่วยงานภาครัฐทั้ง 20 กระทรวง เพื่อให้คำปรึกษา ข้อแนะนำ รวมทั้งจัดฝึกอบรมการพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ จัดทำรูปแบบ (Templet) การพัฒนาเว็บไซต์ฯ และจัดประกวดเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ตลอดจนผลักดันหลักสูตรการพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้เข้าสู่ระดับอุดมศึกษา นายไชยยันต์ กล่าวอีกว่า กระทรวงฯ ได้เปิดศูนย์ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสื่อสาร สำหรับคนพิการ ณ ชั้น 7 กระทรวงไอซีที เพื่อให้บริการผู้พิการที่ต้องการศึกษาเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางประสานงานระหว่างส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยมีสำนักงานสถิติจังหวัด และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด เป็นหน่วยงานที่ช่วยประสานในระดับภูมิภาค ซึ่งในลำดับต่อไปกระทรวงฯ จะเร่งจัดทำคู่มือการขอรับบริการการให้/ให้ยืมอุปกรณ์และเครื่องมือฯ และคู่มืออุปกรณ์และเครื่องมือ สำหรับคนพิการด้วย.  

หนุนแก้ พ.ร.บ.คอมพ์ แต่ห่วงปัญหาบังคับใช้ เหตุเน้นวิชาการมาก

หนุนแก้ พ.ร.บ.คอมพ์ แต่ห่วงปัญหาบังคับใช้ เหตุเน้นวิชาการมาก
นักวิชาการ คนเว็บ ตำรวจ ประสานเสียงสนับสนุนยกร่าง พ.ร.บ.คอมพ์ 2550 พบน่ากังวลหลายประเด็น ทั้งเกิดความซับซ้อนและส่อเกิดปัญหาในการบังคับใช้ ติงความรู้ความเข้าใจผู้บังคับใช้กฎหมายยังต่ำ...นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ อาจารย์พิเศษวิชากฎหมายเทคโนโลยี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะอดีตกรรมาธิการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 เปิดเผยว่า โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการแก้กฎหมายครั้งนี้ เพราะแม้เจตนารมณ์ในการแก้ไขจะเป็นเจตนารมณ์ดี แต่เนื้อหาในการแก้ไขนั้นยังไม่ถูกจุดนายไพบูลย์ กล่าวว่า เริ่มจากการแก้มาตรา (ม.) 5 ม.7 เกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์ จะต้องมีคำว่า มีมาตราการรักษาความปลอดภัย หรือมาตรการการเข้าถึง ปัจจุบันการตระหนักรับรู้ถึงไอทีค่อนข้างน้อยจึงมีการเข้าไปขโมยดูข้อมูลเยอะ จึงมีการระบุให้เป็นความผิดโดยแยกออกมาเป็นอีกหมวดหนึ่ง ว่าหากผู้ใดเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ผู้อื่นก็จะมีความผิดทันที ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้เกิดปัญหาค่อนข้างมาก เพราะปัจจุบันเราใช้เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์กันอย่างแพร่หลาย ผู้ใช้มีสิทธิเสรีภาพในการเข้าดูข้อมูลของผู้อื่นได้ โดยไม่ถือเป็นการละเมิด ในการใช้งานเว็บไซต์ทั่วไป เมื่อเราโพสต์ข้อความบนเว็บไซต์ ถือเป็นการยินยอมตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ซึ่งทั่วโลกไม่มีใครออกกฎหมายอย่างนี้ เพราะการค้นหาข้อมูลของบุคคลอื่นและนำไปใช้ในเชิงความรู้นั้น สามารถทำได้โดยไม่มีความผิดอีกประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ เกี่ยวกับเรื่องการทำสำเนาข้อมูล ซึ่งถือเป็นอีกประเด็นที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากการส่งผ่านข้อมูลระหว่างกันเซิร์ฟเวอร์จะเกิดการทำสำเนาโดยชั่วคราว หากมีการเขียนกฎหมายอาญา ในลักษณะว่าการทำสำเนาข้อมูลเป็นความผิด ดังนั้นในการส่งข้อมูลทั้งที่ผิดกฎหมายและไม่ผิดกฎหมาย ก็จะทำให้ทุกคนกลายเป็นคนอาชญากรรมทั้งหมด นอกจากนี้ ยังขัดกับกฎหมายลิขสิทธิ์ที่ระบุว่า การทำสำเนาที่ใช้เท่าที่เป็นประโยชน์โดยไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์นั้นสามารถทำได้ แต่หากมีการเขียนกฎหมายในเชิงดังกล่าว อาจก่อให้เกิดความซ้ำซ้อนกับกฎหมายลิขสิทธิ์ รวมถึงการเขียนเกี่ยวกับอำนาจศาลด้วย เนื่องจาก พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์นั้นจะขึ้นศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ส่วน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์นั้นขึ้นศาลอาญา จึงอาจก่อให้เกิดปัญหาในการปรับใช้ได้สำหรับการแก้ไขในประเด็นการครอบครองสื่อลามกอนาจารของเด็ก ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัวมาก เพราะการครอบครองหมายถึงการมีอยู่ในระบบไม่ว่าวิธีใดก็ตาม ในประเด็นดังกล่าวจะสร้างความลำบากให้แม้แต่กับเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน ซึ่งต้องมีการดาวน์โหลดแคชชั่วคราว เพื่อสืบสวนสอบสวน ก็จะกลายเป็นความผิดทันทีโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งความผิดเกี่ยวกับเรื่องเด็กนี้มีอยู่ในประมวลกฎหมายอาญาอยู่แล้วก็จะทำให้เกิดความซ้ำซ้อนประเด็นถัดมาคือ การแก้ไขเรื่องสแปมมิ่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการโซเชียลมีเดียโดยตรง ใน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ระบุว่าในการส่งอีเมล์นั้น ต้องปกปิดแหล่งที่มาของข้อมูล แต่ในประเทศไทยนั้นใช้ไอพีจริงในการส่งข้อมูล ซึ่งเรื่องนี้ควรอยู่ในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แต่สแปมนั้นมีจำนวนมาก สแปมถือเป็นเรื่องทางแพ่ง หากนำมาใส่ในกฎหมายอาญาก็จะเป็นความผิดกรณีปลอมไอพีเท่านั้น ซึ่งประเด็นนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้โซเชียลมีเดียโดยตรง โดยเฉพาะทวิตเตอร์ เพราะเมื่อเราทวิตข้อความออกไป และผู้ที่ติดตามได้เห็นข้อความนั้น ซึ่งแม้จะเป็นการเห็นโดยอัตโนมัติ ก็จะถือว่าเป็นความผิดใน ม.11 ทันทีนอกจากนี้ ใน ม.15 เกี่ยวกับการแก้ไขคำว่าจงใจ สนับสนุน ยินยอมออกไป และใช้คำว่ารู้หรือควรรู้นั้น ไม่ได้ทำให้ความหมายแตกต่างไปจากเดิม โดยส่วนตัวมองว่า ควรคงวรรคแรกไว้และเพิ่มวรรคท้ายว่า กรณีผู้ให้บริการเว็บไซต์จะมีความผิดต่อเมื่อมีการนำข้อมูลนั้นผ่านการกรองก่อนนำเสนอ แต่หากเป็นการผ่านเครื่องประมวลผลอัตโนมัตินั้นจะไม่ถือเป็นความผิดเลย โดยกฎหมายในต่างประเทศ จะมีระบุไว้ชัดเจนว่า การเลือกหรือคัดข้อมูลก่อนนำมาโพสต์บนอินเทอร์เน็ตนั้นถือเป็นความผิด หากเป็นการนำเสนอโดยการรับอัตโนมัตินั้นอย่างไรไม่ถือเป็นความผิด ซึ่งการแก้ไขถ้อยคำดังกล่าวนั้นถือว่าแก้ไขไม่ถูกจุดในส่วนของ ม.17 ซึ่งจะมีการแก้ไขเกี่ยวกับเขตอำนาจว่า หากมีการกระทำความผิดตามกฎหมายกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร ถือเป็นความผิดในราชอาณาจักร และสามารถลงโทษได้ ซึ่งในส่วนนี้มีระบุในกฎหมายอาญาอยู่แล้ว แต่ในหลายครั้งที่ไม่สามารถเอาผิดได้นั้น เป็นเพราะกฎหมายระบุไว้ว่าต้องดำเนินการสืบพยานต่อหน้าจำเลย ซึ่งหากต้องการแก้ไขประเด็นดังกล่าวต้องแก้ไขที่กฎหมายอื่น ไม่ใช่แก้ไขที่ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์แม้จะมีเจตนารมณ์ที่ดีในการแก้ไข แต่ผู้ร่างยังไม่เข้าใจปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในทางปฏิบัติ ถือเป็นการแก้ไขในเชิงวิชาการ ซึ่งมองว่ายังไม่สามารถนำมาปรับใช้ได้ อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 นั้น ก็ถือว่าสามารถใช้ได้ในระดับหนึ่ง แต่ต้องมีการแก้ไขโดยเฉพาะประเด็น ม.15 เรื่องความผิดของผู้ให้บริการ ซึ่งหากมีการแก้ไขอย่างถูกต้อง ก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้นักลงทุนต่างชาติ กล้าเข้ามาดำเนินธุรกิจ สร้างผลดีด้านเศรษฐกิจ การลงทุนได้อีกมาก ส่วนประเด็นที่ถือว่ามีความร้ายแรงอย่างมากในการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้คือ ประเด็นการทำสำเนา เนื่องจากการทำธุรกรรมทั้งบนคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น ล้วนแต่ต้องมีการทำสำเนา หรือการแคชข้อมูลเก็บไว้ทั้งสิ้น หากระบุว่าการทำสำเนาผิดก็จะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายถ้าจะให้ดีควรเปิดโอกาสให้สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย เว็บโฮสติ้ง สื่อมวลชน ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าเป็นผู้ร่วมร่างกฎหมายฉบับนี้ ไม่ใช่ให้อยู่ในตำแหน่งผู้ร่วมฟัง หรือประชาพิจารณ์ โดยที่ไม่สามารถมีส่วนร่วมในการแก้ไขกฎหมาย เพราะหาก พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับใหม่ มีเนื้อหาในลักษณะที่เป็นการแก้ไขนี้ จะทำให้เกิดความวุ่นวายในการบังคับใช้กฎหมายมากขึ้น โดยเฉพาะหน่วยงาน องค์กร อัยการ ศาล ตลอดจนประชาชนทั่วไป ซึ่งมีความเข้าใจใน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ค่อนข้างน้อย หรือสับสนอยู่แล้ว นายไพบูลย์ กล่าวด้านนางจีรนุช เปรมชัยพร ผู้ให้บริการเว็บไซต์ประชาไท กล่าวว่า เห็นด้วยกับการแก้ไข พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากในอดีตมีปัญหาในแง่การบังคับใช้ ประกอบกับเจ้าหน้าที่ก็ยังมีความเข้าใจน้อย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับใหม่ จึงควรทำให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายได้ดีขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ควรปรับประเด็นความสมดุลและสิทธิเสรีภาพให้ดีขึ้นด้วย โดยเฉพาะใน ม.14 และ 15ขณะที่ พ.ต.อ.ศิริพงษ์ ติมุลา รองผู้บังคับการกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า กฎหมายฉบับเดิมใช้งานมานาน 5-6 ปีแล้ว จึงเห็นสมควรกับการยกร่างใหม่ แม้ว่าจะทำได้ดีในระดับหนึ่งแล้วแต่โดยส่วนตัว ก็ยังต้องการให้ทุกฝ่ายช่วยกันระดมความคิด และเสนอความเห็นเพื่อทำให้มีเนื้อหาที่สมบูรณ์และครอบคลุมการใช้งาน โดยยอมรับว่าในส่วนของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ยังคงมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ในระดับที่อ่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเร่งพัฒนา. 

Blog Archive