Wednesday, April 3, 2013

ซัมซุงเผยโฉมสมาร์ททีวีใหม่-ยูเอชดีจอ85นิ้ว ปักธงเจ้าตลาด7ปีซ้อน

ซัมซุงเผยโฉมสมาร์ททีวีใหม่-ยูเอชดีจอ85นิ้ว ปักธงเจ้าตลาด7ปีซ้อน
ซัมซุง เปิดตัวสมาร์ททีวี เจเนอเรชันใหม่ ควบยูเอชดีทีวีใหญ่ที่สุดในโลก พาเหรดผลิตภัณฑ์ภาพและเสียงครบไลน์ ชูความแตกต่างด้วยการพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อผู้บริโภคชาวไทย หวังขยายเทรนด์สมาร์ททีวีให้เข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่ม...เมื่อวันที่ 3 เม.ย. นายรัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์ ผู้อำนวยการธุรกิจภาพและเสียง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจภาพและเสียงในปีนี้ แนวโน้มผู้บริโภคจะเปลี่ยนถ่ายจากทีวีธรรมดาเป็นสมาร์ททีวีมากขึ้น ทำให้ตลาดสมาร์ททีวีในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสมาร์ททีวีได้เข้ามามีบทบาทต่อไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเพิ่มความสะดวกสบายให้ชีวิต ตั้งแต่การแบ่งปันข้อมูลระหว่างอุปกรณ์หลากหลายประเภทได้สะดวกรวดเร็ว การเชื่อมต่อสู่โลกออนไลน์จากหน้าจอทีวี การใช้แอพพลิเคชั่นต่างๆ ซึ่งปัจจุบันผู้บริโภคหันมานิยมใช้แอพพลิเคชั่นในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและความบันเทิง ส่งผลให้มีการแข่งขันในเรื่องการพัฒนาการใช้งานสมาร์ททีวีที่ง่ายขึ้น และนำเสนอแอพพลิเคชั่นที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคยิ่งขึ้นทั้งนี้ บริษัทถือเป็นผู้สร้างเทรนด์สมาร์ททีวีในประเทศไทย โดยในปีนี้ได้วางกลยุทธ์เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดสมาร์ททีวี พร้อมเปิดตัวซัมซุง สมาร์ททีวี เจเนอเรชันใหม่ นำโดย ซัมซุง สมาร์ททีวี รุ่น F8000 (Samsung Smart TV F8000) และยูเอชดีทีวี (Samsung Ultra High Definition TV-UHD TV) ขนาดหน้าจอ 85 นิ้ว ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ซัมซุงมุ่งพัฒนา 3 คุณสมบัติที่โดดเด่น ได้แก่ สมาร์ท อินเตอร์แอ็คชัน (Smart Interaction) สมาร์ท ฮับ (Smart Hub) และสมาร์ท อิโวลูชัน (Smart Evolution) ให้มีประสิทธิภาพและสะดวกสบายต่อผู้บริโภคยิ่งขึ้นโดยสมาร์ท อินเตอร์แอ็คชัน 2.0 การสั่งงานด้วยท่าทาง (Motion Control) ที่มีการเพิ่มคำสั่งในการสั่งงาน ด้วยท่าทางสองมือได้ เพื่อซูม หมุนรูปภาพ การยกนิ้วกด Like ใน Facebook หรือการปัดมือเพื่อเลื่อนหน้าใน Smart Hub และเพิ่มคำสั่งการสั่งงานด้วยเสียง (Voice Control) โดยในปีนี้ซัมซุงได้เพิ่มการสั่งงานจากรีโมทคอนโทรลในลักษณะไมโครโฟน เพื่อการสั่งงานทีวีที่ง่ายดายยิ่งขึ้น และการจดจำใบหน้า (Face Recognition) สร้างความสะดวกสบายให้ผู้ใช้มีอิสระในการใช้งานโดยไม่จำเป็นต้องผ่านรีโมทคอนโทรล โดยซัมซุง สมาร์ททีวีทุกรุ่นในปีนี้ยังมาพร้อมกับรีโมท Smart Touch Control ที่เพียงเลื่อนและคลิกบน Touch Pad ที่มีการทำงานคล้ายกับการใช้ Mouse Pad ของคอมพิวเตอร์ ไม่ต้องยุ่งยากกับปุ่มบนรีโมทอีกต่อไปส่วนสมาร์ท ฮับ ได้รับการพัฒนาให้สามารถโชว์แอพพลิเคชั่นได้มากขึ้นและใช้งานง่ายขึ้น โดยมีการจัดหน้าหลักเป็นหมวดหมู่เอาไว้อย่างเป็นระเบียบ 3 หน้า ดังนี้ Apps, Social และ Photo/Video/Music ที่ให้ผู้ใช้สามารถรับชมรูปภาพ วิดีโอ จากอุปกรณ์อื่นๆ เช่น สมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ก แท็บเล็ต ที่โอนถ่าย แบ่งปันขึ้นบนจอภาพขนาดใหญ่ หรือโอนรายการจากจอทีวีสู่สมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย ผ่านทาง Convergence หรือ AllShare และสมาร์ท อิโวลูชัน ที่มาพร้อม Evolution Kit ประกอบด้วย ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ได้รับการอัพเกรดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในทุกปี โดยใช้เทคโนโลยี System-on-chip ซึ่งเป็นชิพอัจฉริยะเอกสิทธิ์เฉพาะของซัมซุงที่จะทำให้ซัมซุง สมาร์ททีวีตามติดเทคโนโลยีใหม่และล้ำสมัยอยู่เสมอ โดยทางซัมซุงมีแผนวางจำหน่ายกลางปีนี้เป็นต้นไป เพื่อรองรับการใช้งาน ซัมซุง สมาร์ททีวี ที่เพิ่มขึ้น ซัมซุง ได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งโกลบอล แอพพลิเคชั่น และโลคอล แอพพลิเคชัน ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคทุกไลฟ์สไตล์ โดยปัจจุบันซัมซุงมีแอพพลิเคชั่นสำหรับสมาร์ททีวีทั่วโลกกว่า 1,000 แอพพลิเคชั่น และมียอดดาวน์โหลดเฉพาะในประเทศไทย 900,000 ดาวน์โหลดต่อเดือนนอกจากนี้ ซัมซุงยังสร้างประสบการณ์การรับชมทีวี ด้วยการเปิดตัวซัมซุง ยูเอชดีทีวี (Samsung Ultra High Definition TV-UHD TV) ขนาดหน้าจอ 85 นิ้ว ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นทีวีที่มีความละเอียดภาพสูงสุดระดับอัลตร้าเอชดี (Ultra HD) กว่า 8 ล้านพิกเซล ซึ่งมากกว่า 4  เท่าของระบบ Full-HD ทั่วไป มาพร้อมดีไซน์แบบมินิมัลลิสต์ สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการทีวี ทั้งยังเปิดตัวโฮมเธียเตอร์รุ่นแฟล็กชิพ ซัมซุง  HT-F9750W (Samsung HT-F7950W) ที่โดดเด่นด้วยระบบเสียง 1,330 วัตต์ มอบคุณภาพเสียง เพื่อร่วมสร้างประสบการณ์ในการรับชม นอกจากนี้ ยังมีลำโพงแบบแอร์แทรค ซัมซุง HW-F751 (Samsung HW-7571) และผลิตภัณฑ์น้องใหม่อย่างออดิโอด็อกแบบ Bluetooth Speaker ซัมซุง DA-F61/XT (Samsung DA-F61/XT) ที่จะเข้ามาเติมเต็มตลาดเครื่องเสียงให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่นิยมใช้สมาร์ทโฟนในการฟังเพลงมากยิ่งขึ้นนายรัชตะ กล่าวอีกว่า สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาด บริษัทเน้นการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อเข้าถึงความต้องการของกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ร่วมด้วยทำการตลาดแบบครบวงจร 360 องศา ผ่านสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ บิลบอร์ด และสื่อกลางแจ้ง รวมถึงการรีวิวผลิตภัณฑ์ในสื่อต่างๆ รวมถึงการจัดตกแต่งหน้าร้าน เพื่อสร้างประสบการณ์เกี่ยวกับสมาร์ททีวีให้ลูกค้า จัด Experience Zone ในห้างสรรพสินค้าต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีประสบการณ์ร่วม และมีความเข้าใจเกี่ยวกับสมาร์ททีวีมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการจัด Convergence Zone แสดงการใช้งานร่วมกันระหว่างผลิตภัณฑ์ซัมซุง ขณะเดียวกัน ก็เน้นการทำงานแบบพันธมิตรร่วมกับตัวแทนจำหน่าย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ความสำเร็จของซัมซุง โดยบริษัทวางแผนจัดโครงการอบรมการสร้างธุรกิจสำหรับเจ้าของธุรกิจรุ่นต่อไป เพื่อส่งเสริมธุรกิจและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างซัมซุงและตัวแทนจำหน่ายอีกด้วย เชื่อว่าผลจากการแนะนำผลิตภัณฑ์คุณภาพและการทำตลาดอย่างเต็มรูปแบบในปีนี้ จะทำให้ซัมซุงสมาร์ททีวีได้รับกระแสตอบรับจากผู้บริโภคอย่างล้นหลาม และสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้วงการทีวีในประเทศไทย ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำตลาดทีวีในประเทศไทย 7 ปีติดต่อกันอย่างแน่นอน. 

No comments:

Post a Comment

Blog Archive