Tuesday, December 25, 2012

ว่าที่ซุปเปอร์บอร์ด กสทช. แสดงวิสัยทัศน์

ว่าที่ซุปเปอร์บอร์ด กสทช. แสดงวิสัยทัศน์
คณะกรรมาธิการสามัญตรวจสอบประวัติ และประเมินการปฏิบัติงาน กสทช. เปิดให้ว่าที่ซุปเปอร์บอร์ด กสทช. แสดงวิสัยทัศน์ ขณะที่งดนายประเสริฐ อภิปุญญา และนายพันธ์ศักดิ์ จันทร์ปัญญา ตามคำสังศาลปกครอง...เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ที่ห้องรับรอง 1–2 อาคารวุฒิสภา คณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้สมควรได้รับเลือกเป็นกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ของคณะกรรมการจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ได้จัดให้ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเป็นกรรมการติดตามและประเมินงาน กสทช. ในรอบแรกจำนวน 8 คน ใน 4 ด้าน ได้แก่ กิจการกระจายเสียง ประกอบด้วย พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร และ น.ส.ลักษมี ศรีสมเพ็ชร ด้านกิจการโทรทัศน์ ประกอบด้วย พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ และนายพิชัย อุตมาภินันท์ ด้านกิจการโทรคมนาคม ประกอบด้วย นายอนันต์ วรธิติพงศ์ และนายอมรเทพ จิรัฐิติเจริญ และด้านการส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ประกอบด้วย นายจะเด็จ อินสว่าง และ พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ มาแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติฯ และสื่อมวลชน ที่มาสังเกตการณ์ทั้งนี้ ที่ประชุมได้งดการแสดงวิสัยทัศน์ของ นายประเสริฐ อภิปุญญา และนายพันธ์ศักดิ์ จันทร์ปัญญา ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเป็นกรรมการติดตามและประเมินงาน กสทช. ในรอบแรกด้านการคุ้มครองผู้บริโภค เนื่องจากศาลปกครองกลางมีคำสั่งทุเลาและคุ้มครองตามที่ นายวุฒิพร เดี่ยวพาณิช ผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการติดตามและประเมินผลงาน กสทช. ฟ้องร้องโดยการแสดงวิสัยทัศน์ดังกล่าวผู้ที่ผ่านการคัดเลือกในรอบแรก ได้ยืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่เสมือนเป็นตัวแทน ส.ว.ในการตรวจสอบ ติดตามและประเมินผลงาน กสทช. ตามความรู้และความสามารถที่มีและกฎหมายที่มีบังคับใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศมากที่สุดภายหลังการประชุมเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ นายอนุรักษ์ นิยมเวช ส.ว.สรรหา ในฐานะกรรมาธิการสามัญตรวจสอบฯ เปิดเผยว่า หลังจากที่กรรมาธิการสามัญตรวจสอบประวัติ จะจัดทำรายงานการประชุมเพื่อเสนอให้กับ นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เพื่อให้พิจารณาบรรจุวาระในการลงคะแนนเลือกกรรมการติดตาม ประเมินผลงานของ กสทช. ในรอบสุดท้าย ที่จะต้องคัดเลือกให้เหลือ 5 คน จากจำนวนทั้งหมด 10 คนอย่างไรก็ตาม ในประเด็นการบรรจุระเบียบวาระเพื่อลงมติเลือกรอบสุดท้ายนั้น พบว่ามีปัญหาว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ หลังจากที่มีผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกด้านคุ้มครองผู้บริโภคต้องถูกชะลอไว้ เนื่องจากคำสั่งของศาลปกครองกลาง ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาตามบทบัญญัติของ พ.ร.บ.กสทช. พ.ศ.2553 มาตรา 70 วรรคสองว่าด้วยการคัดเลือกกรรมการติดตามและประเมินงาน กสทช. ที่ระบุให้มีการคัดเลือกผู้สมควรเป็นกรรมการติดตามประเมินผลงาน กสทช. ที่ได้รับคัดเลือกเป็นจำนวน 2 เท่า ของกรรมการทั้ง 5 ด้าน หมายความว่าการคัดเลือกในรอบสุดท้ายนั้น จะต้องรอให้ผู้สมัครครบทั้ง 5 ด้านก่อนหรือไม่ ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าหากประธานวุฒิสภาเดินหน้าเลือกโดยไม่รอผู้สมัครฯ จากด้านการคุ้มครองผู้บริโภค จะถูกนำไปฟ้องร้องและอนาคตจะเกิดปัญหา โดยเฉพาะอายุการดำรงตำแหน่งของกรรมการ ติดตามและประเมินงาน กสทช.ที่ตามกฎหมายระบุให้ดำรงตำแหน่งวาระละ 3 ปี“ผมมองว่าประเด็นนี้ ประธานวุฒิสภาต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อนที่จะให้มีการลงคะแนนเลือกในรอบสุดท้าย โดยเฉพาะหากให้มีการลงคะแนนตัดสินใน 4 ด้าน โดยไม่รอด้านคุ้มครองผู้บริโภคที่มีปัญหาฟ้องร้องตามกฎหมายระบุชัดเจนว่า กรรมการที่ผ่านการคัดเลือกจะไม่สามารถนับเป็นองค์ประชุมและจัดประชุมได้ นอกจากนั้น หากการเลือกกรรมการเข้าดำรงตำแหน่งมีความเหลื่อมล้ำอาจทำให้เป็นปัญหาเรื่องการดำรงวาระอีก” นายอนุรักษ์ กล่าวขณะที่ นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ ฐานะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิปวุฒิสภาไม่ได้มีการหารือในประเด็นดังกล่าว แต่ได้คุยกันนอกรอบถึงประเด็นปัญหาเรื่องการคัดเลือกเบื้องต้นในเรื่องขององค์ประชุมที่ตามกฎหมายระบุว่า ต้องมีสมาชิกให้ครบทุกด้านก่อนโดยคำวินิจฉัยนั้นระบุว่าต้องให้ครบก่อน และหากไม่ครบก็จะไม่นับเป็นองค์ประชุม ดังนั้น ประเด็นนี้น่าสนใจและควรพิจารณาให้รอบคอบ.   

No comments:

Post a Comment

Blog Archive