Tuesday, January 1, 2013

ไมโครซอฟท์ห่วงปัญหาซอฟต์แวร์ผิดกม. ไทยไม่พ้นบ่วง

ไมโครซอฟท์ห่วงปัญหาซอฟต์แวร์ผิดกม. ไทยไม่พ้นบ่วง
ไมโครซอฟท์ เปิดเผยผลศึกษาความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ จากตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ซื้อจากตัวแทนขายในอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม พบ 2 ใน 3 ของกลุ่มเครื่องคอมพิวเตอร์ทดลองติดไวรัส...เมื่อเร็วๆ นี้ ไมโครซอฟท์ ได้เปิดเผยผลการวิจัยความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งพบว่าร้อยละ 63 ของดีวีดีปลอมแปลงและคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งด้วยระบบปฏิบัติการวินโดวส์ละเมิดลิขสิทธิ์นั้น มีความเสี่ยงต่อไวรัสและมัลแวร์ โดยทีมพิสูจน์ความปลอดภัยของไมโครซอฟท์ได้ทำการวิจัยโดยใช้ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ 118 รายการ ที่ซื้อมาจากตัวแทนจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม จากกลุ่มตัวอย่างที่ตรวจสอบเบื้องต้นพบคอมพิวเตอร์ติดไวรัสและมัลแวร์กว่า 2,000 รายการ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นไวรัสที่อันตรายต่อคอมพิวเตอร์อย่างมากหลากหลายชนิด อาทิ Backdoors Hijackers Droppers Bots Crackers Password Stealers และ Trojansนอกจากนี้ ผลการวิจัยแจ้งว่า ร้อยละ 77 ของคอมพิวเตอร์ที่นำมาตรวจสอบพบ Windows Update ไม่ทำงานหรือถูกส่งไปยังบริการอัพเดตของกลุ่มบุคคลที่สาม เนื่องจากการที่ Windows Update ไม่ทำงาน ระบบคอมพิวเตอร์จึงเลี่ยงการตรวจสอบของซอฟต์แวร์ถูกลิขสิทธิ์และไม่ยอมรับการอัพเดทโปรแกรมความปลอดภัยที่จำเป็น ทำให้คอมพิวเตอร์ไม่สามารถป้องกันตัวเครื่องจากการถูกไวรัสโจมตี การติดไวรัส และการถูกเจาะเข้าสู่ระบบได้ สำหรับองค์กรธุรกิจต่างๆ ความเสี่ยงเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับการโจรกรรมข้อมูลลับของบริษัท และการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ที่ติดไวรัส ซึ่งมีประสิทธิภาพในการทำงานต่ำ ระบบการทำงานล้มเหลวและหยุดชะงักบ่อยครั้ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้นำไปสู่ความเสียหายทางการเงินที่รุนแรงและความเสี่ยงต่อการเสียชื่อเสียงของบริษัทปัจจุบันอาชญากรรมทางไซเบอร์ทุกรูปแบบจะใช้ไวรัสในการบุกรุกเพื่อผลประโยชน์ที่ผิดกฎหมาย ตั้งแต่การเจาะรหัสเพื่อเข้าไปขโมยข้อมูลทางการเงินและบัตรเครดิต รวมไปถึงการส่งอีเมล์ขยะ หรือส่งคำขอเป็นเพื่อนที่มีเจตนาฉ้อโกงทางโซเชียลมีเดียในรูปของการบริจาคการกุศล หรือการยื่นข้อเสนอหลอกลวง โดยอาชญากรรมเช่นนี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากบริษัทผิดกฎหมายเหล่านี้นายเจฟ บัลวิงเคิล ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายและองค์กร ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและญี่ปุ่น ของไมโครซอฟท์ เปิดเผยว่า ผลการวิจัยแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การใช้ซอฟต์แวร์ปลอมมีอันตรายต่อผู้ใช้จริง ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์เปรียบเสมือนแหล่งกำเนิด ของอาชญากรรมทางไซเบอร์ และมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นสูงมากกว่าราคาของซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ เราจึงอยากช่วยให้ผู้บริโภคมีความเข้าใจต่อความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และให้คำแนะนำแก่ผู้บริโภค เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้งานคอมพิวเตอร์ปลอดภัยจากสิ่งเหล่านี้จากรายงานของ Norton Cybercrime ปี 2012 พบว่า ค่าความเสียหายจากอาชญากรรมทางไซเบอร์มีมูลค่ามากถึงหนึ่งแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมูลค่าความเสียหายเฉลี่ยต่อหนึ่งคน เท่ากับ 197 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับประเทศไทยหน่วยงานจากภาครัฐที่เกี่ยวข้องในเรื่องการพิทักษ์ทรัพย์สินทางปัญญา โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) และกรมทรัพย์สินทางปัญญา สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบถึงผลกระทบของการใช้สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ และได้พยายามลดจำนวนสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทย นอกจากนี้ ทางกรมฯ ยังได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคหันมาใช้เฉพาะซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์เท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์พ.ต.อ.ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ รองผู้บังคับการและโฆษก บก.ปอศ. กล่าวว่า มีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยมีเจตนาซื้อซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ หรือซอฟต์แวร์ผิดกฎหมาย แต่มีผู้บริโภคอีกจำนวนไม่น้อยที่ถูกหลอกให้ซื้อซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ โดยผู้ขายอ้างว่าเป็นซอฟต์แวร์มีลิขสิทธิ์ บก.ปอศ. จึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ มีคำแนะนำให้แก่ผู้บริโภคปฏิบัติเพื่อหลีกเลี่ยงการซื้อซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์โดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนี้ ถามหาซอฟต์แวร์ถูกลิขสิทธิ์ทุกครั้ง ซื้อจากผู้แทนจำหน่ายที่น่าเชื่อถือและหลีกเลี่ยงข้อเสนอที่คุ้มค่าเกินความเป็นจริง ตรวจสอบให้มั่นใจว่าสินค้าที่ซื้ออยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่เรียบร้อย หากเป็นคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งซอฟต์แวร์วินโดวส์ กรุณามองหาฉลากของแท้หรือใบรับประกันของแท้ที่ติดไว้กับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่ได้ติดตั้งระบบปฏิบัติการวินโดวส์แล้ว สำหรับการตรวจสอบหลังการซื้อ สามารถเข้าสู่ระบบได้ที่ www.howtotell.com เพื่อยืนยันว่าฉลากที่มีอยู่นั้นเป็นของแท้ หากสงสัยว่าซอฟต์แวร์ที่ซื้อมาเป็นซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ สามารถแจ้งได้ที่ www.microsoft.com/piracy ลูกค้าที่แจ้งการละเมิดกฎหมายที่น่าสงสัยได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และช่วยให้สามารถการต่อสู้กับการละเมิดลิขสิทธิ์ได้ดีขึ้น ไมโครซอฟท์ ได้ให้ความสำคัญกับทุกเรื่องที่ร้องเรียนอย่างจริงจังเพื่อรับรองว่าทุกคนจะมีชุมชนไซเบอร์ที่ปลอดภัยตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ไมโครซอฟท์ได้รับการรายงานการละเมิดลิขสิทธิ์ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่า 10,000 คำร้องเรียนอย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่ามีข้อสรุปที่คล้ายคลึงกับผลการวิจัยที่เพิ่งรายงานออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยไมโครซอฟท์ ประเทศจีน และไมโครซอฟท์กำลังดำเนินการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยบน คอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่อง โดยใช้กลุ่มตัวอย่างคอมพิวเตอร์และซีดีละเมิดลิขสิทธิ์ที่ใหญ่ขึ้น เพื่อที่จะนำผลสรุปมาเป็นตัวอย่างในการศึกษาให้แก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ การคุกคาม และความเสี่ยงทางไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ไมโครซอฟท์คาดว่าจะตีพิมพ์ผลการวิจัยและบทวิเคราะห์อย่างเต็มรูปแบบในไตรมาสแรกของปี 2556.

No comments:

Post a Comment

Blog Archive