Tuesday, January 22, 2013

เผยเทรนด์คลาวด์ไทยเติบโต ชี้องค์กรหวังปฏิรูปไอทีและธุรกิจ

เผยเทรนด์คลาวด์ไทยเติบโต ชี้องค์กรหวังปฏิรูปไอทีและธุรกิจ
วีเอ็มแวร์ คาดการณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งในปี 2556 การันตีแนวคิดไฮเทคจะพลิกโฉมวงการไอทีและภาคธุรกิจ การทำเวอร์ชวลไลเซชั่นและแอพฯ จะเป็นบทบาทสำคัญ...วีเอ็มแวร์ อิงค์ ผู้นำด้านเทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชั่นและโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ ได้คาดการณ์ว่าปี 2556 จะเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับองค์กรธุรกิจในประเทศไทย โดย นายชวพล จริยาวิโรจน์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยและอินโดจีน วีเอ็มแวร์ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทต่างๆ ตระหนักถึงบทบาทที่สำคัญของระบบประมวลผลคลาวด์คอมพิวติ้งในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน รักษาขีดความสามารถด้านการแข่งขัน และขยายโอกาสในการเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น บริษัทคาดว่าการปรับเปลี่ยนบทบาทของผู้บริหารซีไอโอ การทำเวอร์ชวลไลซ์สำหรับแอพพลิเคชั่นสำคัญๆ ทางด้านธุรกิจ การริเริ่มใช้งานดาต้าเซ็นเตอร์ที่กำหนดด้วยซอฟต์แวร์ (Software-Defined Datacenter) โมบิลิตี้ และการปรับใช้เทคโนโลยีในธุรกิจเอสเอ็มอี ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่จะช่วยผลักดันการเติบโตของเทคโนโลยีคลาวด์ และส่งผลให้ปี 2556 เป็นช่วงเวลาแห่งการปฏิรูปไอทีและธุรกิจในประเทศไทย องค์กรต่างๆ มองว่าการลงทุนในคลาวด์คอมพิวติ้งเป็นหนทางที่จะเพิ่มขีดความสามารถและเสริมสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันในสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่มีความท้าทายเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ตอบแบบสอบถามในไทยเห็นพ้องต้องกันว่าคลาวด์คอมพิวติ้งจะช่วยให้องค์กรสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น (83%) และหากบริษัทของตนไม่ได้ดำเนินโครงการคลาวด์ ก็จะไม่สามารถก้าวตามคู่แข่งได้ทัน (68%)ดัชนีคลาวด์ของวีเอ็มแวร์ประจำปี 2555 ระบุอย่างชัดเจนถึงความก้าวหน้าและการริเริ่มของการปฏิรูปไอทีในประเทศไทย เพราะคาดว่าเกือบครึ่งหนึ่งของตลาดในเมืองไทยมีแผนที่จะปรับใช้เทคโนโลยีคลาวด์ภายใน 18 เดือนข้างหน้า โดยผู้ตอบแบบสอบถามในเมืองไทยระบุเหตุผลสำคัญสำหรับการปรับใช้เทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง ได้แก่ การเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงทรัพยากรไอที (80%), ความสามารถในการปรับปรุงการจัดการไอทีและระบบงานอัตโนมัติ (78%) และความต้องการที่จะเสียค่าใช้จ่ายไอทีตามปริมาณการใช้งานจริงในส่วนงานธุรกิจ (76%)บทบาทของผู้บริหารซีไอโอกำลังเปลี่ยนไป ขณะที่บริษัทต่างๆ ต้องการให้ผู้บริหารฝ่ายไอทีผลักดันการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมทั่วทั้งองค์กร หมายความว่าฝ่ายไอทีไม่สามารถดำเนินงานในลักษณะของศูนย์รวมต้นทุนได้อีกต่อไป ปัจจุบันผู้บริหารฝ่ายไอทีจะต้องใช้แนวคิดของระบบไอทีในรูปแบบบริการ เพื่อเพิ่มผลกำไรของบริษัท โดยอาศัยรูปแบบของบริการที่ใช้ร่วมกัน (shared services) การผนวกรวมระบบแบ็กออฟฟิศเข้าด้วยกันโดยใช้โซลูชั่นคลาวด์ช่วยให้องค์กรมีความคล่องตัวมากขึ้นและสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งบุคลากรก็ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถใช้ทรัพยากรต่างๆ ได้อย่างเต็มศักยภาพนายชวพล กล่าวอีกว่า หนึ่งในเป้าหมายหลักของคลาวด์คอมพิวติ้งก็คือ การจัดหาการบริการตนเอง (self-service) สำหรับผู้ใช้ในองค์กร รวมถึงไอทีในรูปแบบของบริการ (IT-as-a-service) นั่นหมายความว่าฝ่ายไอทีไม่ได้เป็นศูนย์รวมต้นทุนสำหรับบริษัทอีกต่อไป แต่จะต้องหารายได้เข้าสู่หน่วยงานด้วยการขายบริการแก่ผู้ใช้ในองค์กร ฝ่ายไอทีจึงต้องดำเนินงานในรูปแบบขององค์กรธุรกิจ โดยจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับต้นทุนและการคิดค่าใช้จ่ายกับหน่วยงานอื่นๆ ในสายงานธุรกิจอย่างเหมาะสม ควบคู่ไปกับการให้บริการตามระดับที่กำหนด และรักษาคุณภาพการบริการในด้านอื่นๆ อย่างที่ลูกค้าในสายงานธุรกิจคาดหวังไว้เวอร์ชวลไลเซชั่นช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพทางด้านไอที รวมไปถึงความยืดหยุ่น และความพร้อมใช้งาน โดยจะปฏิรูปการให้บริการ ควบคู่ไปกับการลดต้นทุนและค่าใช้จ่าย การรวมแอพพลิเคชั่นสำคัญๆ ทางด้านธุรกิจ เช่น Microsoft Exchange, SQL Server, SAP และ Oracle จะช่วยให้องค์กรธุรกิจได้รับประโยชน์สูงสุด อย่างไรก็ตาม หลายๆ บริษัทยังลังเลที่จะรวมแอพพลิเคชั่นเหล่านี้ไว้ในแผนพัฒนาระบบเวอร์ชวลไลเซชั่น เพราะยังขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญภายในองค์กรที่จะดูแลการทำเวอร์ชวลไลซ์ในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานสำหรับแอพพลิเคชั่นสำคัญๆ หรือการรับรู้ถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการเหล่านี้บริษัทคาดการณ์ว่าลูกค้าในเมืองไทยจะหันมาใช้แพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานของวีเอ็มแวร์ เพื่อปรับใช้และควบคุมดูแลแอพพลิเคชั่นสำคัญๆ ทางด้านธุรกิจที่ผ่านการทำเวอร์ชวลไลซ์ได้อย่างมั่นใจ ที่จริงแล้ว 71% ของผู้ตอบแบบสอบถามดัชนีคลาวด์ประจำปี 2555 ระบุว่าองค์กรของตนจะพิจารณาการทำเวอร์ชวลไลซ์สำหรับแอพพลิเคชั่นทางด้านธุรกิจที่มีความสำคัญมากที่สุด 10 อันดับภายในองค์กร นายชวพล กล่าวทั้งนี้ บริษัทต่างๆ สามารถพัฒนาอย่างก้าวกระโดดด้วยดาต้าเซ็นเตอร์ที่กำหนดด้วยซอฟต์แวร์ (Software-Defined Datacenter) ปัจจุบัน องค์กรจำเป็นที่จะต้องปรับใช้แนวทางแบบรอบด้านในการวางแผนสร้าง และบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานไอที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่กำลังก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ของคลาวด์คอมพิวติ้ง เทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชั่นช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านไอที ควบคู่ไปกับการปรับปรุงประสิทธิภาพ ปัจจุบันหน่วยงานธุรกิจจำเป็นที่จะต้องเข้าถึงทรัพยากรไอทีอย่างรวดเร็ว เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการดำเนินโครงการและการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด ในทางกลับกัน ฝ่ายไอทีก็จำเป็นที่จะต้องรองรับการดำเนินการดังกล่าว ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการดาต้าเซ็นเตอร์อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพวีเอ็มแวร์เชื่อว่า แนวทางการกำหนดด้วยซอฟต์แวร์ (Software-Defined Datacenter) สำหรับระบบประมวลผลดาต้าเซ็นเตอร์จะช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดเหล่านี้ และเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดหาบริการดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งหมด ส่วนเดสก์ท็อปเวอร์ชวลไลเซชั่นขับเคลื่อนโมบิลิตี้ การขยายสำนักงานสาขา และกลยุทธ์การโยกย้ายระบบ Windows วีเอ็มแวร์คาดการณ์เพิ่มเติมว่า ในปี 2556 องค์กรส่วนใหญ่จะตระหนักว่าการประมวลผลไม่ได้ถูกดำเนินการโดยระบบไคลเอ็นต์หนึ่งเครื่องเหมือนกับพีซีอีกต่อไป แต่งานประมวลผลสำคัญๆ จะถูกดำเนินการในระบบคลาวด์แทน เนื่องจากการสนับสนุน Windows XP กำลังจะสิ้นสุดลงในปี 2556 ดังนั้นบริษัทต่างๆ จะมองหาหนทางที่ง่ายดายกว่าในการอัพเกรดระบบปฏิบัติการ โดยแทบไม่ก่อให้เกิดการหยุดชะงักต่อธุรกิจอย่างไรก็ตาม เวอร์ชวลไลเซชั่นจะได้รับการใช้งานอย่างแพร่หลายมากขึ้นในองค์กรธุรกิจเอสเอ็มอีของไทย โดยบริษัทต่างๆ มุ่งเน้นการขยายคุณประโยชน์ของเวอร์ชวลไลเซชั่น เพื่อเพิ่มความพร้อมใช้งานของระบบไอที รวมถึงการแบ็กอัพและกู้คืนข้อมูล แม้ว่าเวอร์ชวลไลเซชั่นจะเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ได้เป็นจุดหมายสุดท้าย ที่จริงแล้วเวอร์ชวลไลเซชั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นในการวางรากฐานใหม่ เพื่อรองรับแนวคิดและโอกาสใหม่ๆ สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี ด้วยการใช้ประโยชน์จากบริการคลาวด์คอมพิวติ้ง เอสเอ็มอีจะไม่ต้องวุ่นวายกับการติดตั้งและบำรุงรักษาระบบไอที เพื่อให้พนักงานเข้าถึงข้อมูลและแอพพลิเคชั่นของบริษัทได้อย่างปลอดภัย.

No comments:

Post a Comment

Blog Archive