Sunday, November 25, 2012

ไอ-โมบายปั้น ไอคิว สู้ศึกสมาร์ทโฟนราคากลาง

ไอ-โมบายปั้น ไอคิว สู้ศึกสมาร์ทโฟนราคากลาง
ไอ-โมบาย ปั้นซับแบรนด์ใหม่ ไอคิว หวังตีตลาดสมาร์ทโฟน ชูราคาแมส จุดเด่นฟังก์ชั่นครบ ดีไซน์บาง หน้าจอใหญ่ คงคุณสมบัติ 2 ซิมและทีวี ประเดิมออก 3 รุ่นรวด...นายสุภสิทธิ์ รักกสิกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากแนวโน้มการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟน และการตอบรับสมาร์ทโฟนตระกูลไอ-สไตล์ของบริษัท ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวซับแบรนด์ใหม่ชื่อ ไอคิว เพื่อนำเสนอสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยม โดยเปิดตัวในครั้งนี้จำนวน 3 รุ่น คือ ไอคิว1 ไอคิว2 และไอคิว5 ซึ่งบริษัทตั้งเป้าจำหน่ายทั้ง 3 รุ่น กว่า 1.5 แสนเครื่องกรรมการผู้จัดการ บมจ.สามารถ ไอ-โมบาย กล่าวอีกว่า สำหรับกลยุทธ์หลักในการทำตลาดของบริษัท จะเน้นการตั้งราคาที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ การนำเสนอลูกเล่นการใช้งานครอบคลุม ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีมีตัวเลือกและราคาลดลง ทำให้บริษัทสามารถใช้กลยุทธ์การกำหนดราคาได้มากขึ้น ขณะที่การเปิดตัวซับแบรนด์ไอคิวนั้น บริษัทตั้งเป้าเป็นเอนทรี่เลเวล ในตลาดสมาร์ทโฟน และตอบสนองผู้ใช้ฟีเจอร์โฟนที่ต้องการเปลี่ยนเครื่องเป็นสมาร์ทโฟน รวมถึงเป็นทางเลือกแก่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนราคาระดับกลาง ทั้งนี้ ไอคิว จะเป็นสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ภายใต้แนวคิดว่าฉลาดที่จะเปลี่ยนกับฟังก์ชั่นอัจฉริยะ โดยมีระดับราคาตั้งแต่ 6,190-6,790 บาท เพื่อทำตลาดระดับแมสนอกจากความสามารถในการรองรับ 3จี และไว-ไฟ ทั้ง 3 รุ่นยังมาพร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 ซีพียู 1 กิกะเฮิรตซ์แบบดูอัลคอร์ และความสามารถในการใช้งาน 2 ซิม ทั้งนี้ ไอคิว1 มีจุดเด่นที่ระบบทีวี อนาล็อก มาพร้อมจอแสดงผล 4.5 นิ้ว กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล วางจำหน่ายในราคา 6,190 บาท ด้านไอคิว2 เน้นดีไซน์สวยงาม ตัวเครื่องมีความบาง 9.1 มิลลิเมตร จอแสดงผลขนาด 4.5 นิ้ว มาพร้อมเทคโนโลยีบีเอสไอ ช่วยในการถ่ายภาพแม้แสงน้อย จำหน่ายในราคา 6,190 บาท ขณะที่ ไอคิว5 มีจุดเด่นที่หน้าจอขนาดใหญ่ 5 นิ้ว เพิ่มความบันเทิงให้คนรักเกมด้วยกราฟฟิกการ์ดแสดงผลแบบ 3 มิติ กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 1.3 ล้านพิกเซล จำหน่ายในราคา 6,790 บาทนายสุภสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ในสิ้นปีนี้คาดว่าตลาดรวมโทรศัพท์เคลื่อนที่จะมียอดจำหน่ายราว 14 ล้านเครื่อง โดยบริษัทคาดว่าจะมียอดจำหน่ายราว 3.5 ล้านเครื่อง ซึ่งคาดว่าเป็นฟีเจอร์โฟน 70% สมาร์ทโฟน 30% และมีรายได้ราว 9,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากเป้าหมายเดิมที่คาดการณ์ไว้เมื่อช่วงต้นปี เนื่องจากในช่วง 6 เดือนหลังของปีนั้นถือเป็นช่วงที่ตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่จะคึกคักและสามารถสร้างยอดขายได้มากกว่าในช่วงครึ่งปีแรก ทั้งนี้ บริษัทได้คาดการณ์รายได้ในปี 2556 ไว้ที่ 10,000 ล้านบาท และคาดว่าสัดส่วนจำหน่ายสมาร์ทโฟนจะเพิ่มขึ้นเป็น 70% แทนที่ฟีเจอร์โฟนอย่างแน่นอน จากปัจจัยด้านคุณภาพการใช้งานและการแข่งขันด้านราคาของผู้ผลิตและจำหน่าย. 

No comments:

Post a Comment

Blog Archive