Sunday, May 23, 2010

อินเทล เผยงานวิจัยการใช้พลังงานในบ้าน รถยนต์ และเครือข่าย

อินเทล เผยงานวิจัยการใช้พลังงานในบ้าน รถยนต์ และเครือข่าย

เปิดตัว “ทัลแนล ครีก” ซิสเต็มออนชิป สำหรับไอพีโฟน พรินเตอร์ และระบบอินโฟเทนเมนท์ในรถยนต์ และสาธิตการใช้เซ็นเซอร์ไฟฟ้าอัจฉริยะ และแดชบอร์ดควบคุมระบบพลังงานในบ้านแบบเรียลไทม์... ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ในงานอินเทล ดีเวลลอปเปอร์ ฟอรัม ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ผู้บริหารบริษัท อินเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้เปิดตัว อินเทล ซิสเต็ม-ออน-ชิป (System-on-chip หรือ SoC) รุ่นล่าสุด สำหรับแอพลิเคชันเอ็มเบ็ดเด็ด โดยได้อธิบายถึงผลการวิจัยที่จะช่วยให้บ้านเรือนและธุรกิจขนาดเล็ก สามารถบริหารจัดการระบบการใช้พลังงานได้ดีขึ้น ผลิตภัณฑ์ SoC รุ่นล่าสุด ที่ซ่อนอินเทล อะตอม โพรเซสเซอร์ ไว้ภายใน จะช่วยให้บริษัทต่างๆ สร้างอุปกรณ์ที่รองรับ PCI Express เพื่อเชื่อมต่อโดยตรงกับชิปได้เป็นครั้งแรก ทำให้แอพลิเคชันเอ็มเบ็ดเด็ดทำงานได้คล่องตัวมากกว่าเดิม
รายงานข่าวแจ้งว่า อินเทลยังประกาศถึงงานที่ทำร่วมกับ บริษัทฮาวไต ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในจีน ที่มีแผนนำเอาอินเทลอะตอมโพรเซสเซอร์ และซอฟต์แวร์ MeeGo ไปใช้กับระบบอินโฟเทนเมนท์ในรถยนต์ที่บริษัทเป็นผู้ผลิต นอกจากนั้นบริษัทไชน่า โมไบล์ ที่เป็นบริษัทสื่อสารไร้สายที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยังมีแผนที่จะนำชิปอินเทลไปใช้กับแพลตฟอร์ม ที่รองรับการทำงานของเครือข่ายไร้สายของตนอีกด้วยนายดัก เดวิส รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป เอ็มเบ็ดเด็ด แอนด์ คอมมูนิเคชัน กรุ๊ป บ.อินเทล กล่าวว่า อินเทลตั้งใจและทุ่มเทในการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านนวัตกรรมแอพลิเคชันใหม่ๆ ในจีน โดยได้ร่วมมือกับบริษัทต่างๆ ในจีนอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาโซลูชันระบบประมวลผลที่รองรับการเชื่อมต่อที่ชาญฉลาดมากขึ้นและดีขึ้นกว่าเดิม สำหรับรถยนต์ บ้านเรือน และธุรกิจต่างๆ จนกลายเป็นระบบโครงสร้างพื้นฐาน ที่เข้ามารองรับการใช้งานโมไบล์ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และติดต่อสื่อสารกับอินเทอร์เน็ตที่รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิมรอง ปธ.อาวุโสและ ผจก.ทั่วไปฯ บ.อินเทล กล่าวต่อว่า ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ของอินเทล ที่มีชื่อรหัสว่า “ทันแนล ครีก” (Tunnel Creek) เป็น SoC รุ่นนี้ใช้สำหรับแอพลิเคชันเอ็มเบ็ดเด็ด เช่น ระบบอินโฟเทนเมนท์ ในรถยนต์ และไอพีโฟน (โทรศัพท์ที่ใช้อินเทอร์เน็ตโปรโตคอล) ที่ต้องใช้มีเดียต่างๆ นอกจากนั้น SoC รุ่นนี้ยังใช้ระบบเชื่อมต่อแบบมาตรฐานกับโพรเซสเซอร์อีกด้วย SoC มีองค์ประกอบภายในครบวงจร ประกอบด้วย อินเทลอะตอม คอร์ เมมโมรี คอนโทรลเลอร์ ฮับ กลไกกราฟิก และกลไกระบบวิดีโอที่รวมอยู่ในชิปเพียงตัวเดียว นอกจากนั้น ชิปรุ่นนี้ยังใช้งานร่วมกับชิปที่บริษัทต่างๆ พัฒนาขึ้นเองได้ด้วย หากชิปของบริษัทต่างๆ ดังกล่าวใช้มาตรฐาน PCI Express ชิปรุ่นนี้จึงเป็นรุ่นที่สามารถใช้งานได้อย่างคล่องตัว ช่วยลดต้นทุนด้านวัสดุ และลดพื้นที่บนเมนบอร์ดสำหรับแอพลิเคชันเอ็มเบ็ดเด็ดอีกด้วยนายเดวิส กล่าวอีกว่า ว่าเมื่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่ทำงานคล้ายคลึงกับพีซี สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น บริษัทสื่อสารจึงพยายามหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น ในการใช้เครือข่ายได้อย่างคุ้มค่า และมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย อินเทลมีวิสัยทัศน์ ด้านการนำระบบประมวลผล และโมเดลคลาวด์ของอุตสาหกรรมไอทีมาประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมสื่อสาร โดยใช้การทำงานบนระบบเครือข่ายมารวมไว้ภายใต้โครงสร้างเพียงชุดเดียว บริษัทสื่อสารชั้นนำทั่วโลกต่างยอมรับและนำโครงสร้างของอินเทลมาใช้เป็นแพลตฟอร์มหลัก สำหรับระบบโครงสร้างพื้นฐานรุ่นต่อไปของตนเอง เช่น อัลคาเทล-ลูเซนต์ อีริคสัน หัวเหว่ย และซีทีอี (ZTE) เป็นต้นด้าน นายหวาง เทียนหมิง ประธานกรรมการ บ.ฮาวไต ออโตโมทีฟ กล่าวว่า ระบบอินโฟเทนเมนท์ที่ใช้สมรรถนะของอินเทล อะตอม โพรเซสเซอร์ ช่วยทำให้ฮาวไตสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่เดิมและล่าสุดได้ รวมทั้งนำเอาซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นมา เพื่อทำงานบน MeeGo โดยอิงกับแพลตฟอร์มลีนุกซ์มาใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน แนวทางนี้นอกจากจะประหยัดค่าใช้จ่ายในการพัฒนาแอพลิเคชันแล้ว ยังทำให้เราสามารถพัฒนาบริการใหม่ๆ ออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วและมีเสถียรภาพมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยนายซุย ชุนเฟง ผู้จัดการห้องทดลองไร้สายแผนกสื่อสารไร้สายของสถาบันวิจัย China Mobile Research Institute กล่าวถึงการที่บริษัทสื่อสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกว่า ไชน่าโมบายล์จับมือเป็นพันธมิตรกับอินเทล ในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายไร้สายรุ่นต่อไป โดยจะทำให้ไชน่า โมไบล์ ปรับการดำเนินงานไปสู่โมเดลใหม่คือ “ระบบประมวลผลที่ผสมผสานกับระบบคลาวด์” ได้ในที่สุด โดยกำลังวิจัยโครงสร้างของ Radio Access Network รุ่นใหม่อยู่ เพื่อทำให้เครือข่ายบอร์ดแบนด์ไร้สาย เป็นเครือข่ายประหยัดพลังงานระดับโลก มีค่าใช้จ่ายลดลง แต่มีสมรรถนะสูง ผู้จัดการห้องทดลองไร้สายฯ ไชน่าโมบายล์ กล่าวต่อว่า โครงสร้างของ Radio Access Network รุ่นใหม่ จะทำให้ผุ้ให้บริการโครงข่ายบรอดแบนด์ไร้สาย สามารถจัดสรรทรัพยากรของระบบโครงสร้างพื้นฐาน ให้แก่การทำงานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันภายในเครือข่ายได้อย่างคล่องตัว เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ดังกล่าว ไชน่า โมบายล์จึงนำสถาปัตยกรรมเทคโนโลยีของอินเทล มาใช้ควบคู่ไปกับระบบโครงสร้างพื้นฐานรุ่นต่อไปของบริษัท เพื่อความคล่องตัวในการใช้งาน ความสามารถในการขยายระบบ และนวัตกรรมซอฟต์แวร์ชั้นเลิศนายจัสติน แรทเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี และผู้อำนวยการบริหารของอินเทล แล็ป ได้อธิบายว่า เทคโนโลยีอัจฉริยะในบ้านและที่ทำงาน จะเข้ามาช่วยลดและบริหารจัดการการใช้พลังงานได้ดีขึ้นได้อย่างไร เป้าหมายของอินเทล คือ การนำเอาเทคโนโลยีของอินเทลมาสร้างภูมิความรู้เพื่อช่วยให้ผู้บริโภค และบริษัทขนาดเล็กตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้พลังงานได้ดีขึ้นกว่าเดิม“การสร้างภูมิความรู้แก่ผู้บริโภคถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ ผู้ใช้แต่ละคนจำเป็นต้องมีข้อมูล เครื่องมือ และความตั้งใจที่จะเข้ามาช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรพลังงานที่กำลังขาดแคลน ลดผลกระทบจากการก่อก๊าซคาร์บอนฯ และควบคุมงบประมาณในการใช้พลังงานของตนเอง ถ้าหากเราทำให้การใช้พลังงานมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยใช้เครื่องมือที่ทำให้ผู้ใช้มองเห็นภาพและรับทราบข้อมูลในทันที ซึ่งเชื่อมโยงกับทั้งชุมชนแล้ว แนวทางนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ยั่งยืนและช่วยประหยัดพลังงานไปได้อย่างมหาศาล” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บ.อินเทล กล่าวนายแรทเนอร์ กล่าวต่อว่า นักวิจัยของอินเทลได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ไร้สายชนิดใหม่ขึ้นมา เพื่อช่วยให้ผู้บริโภครวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังงานได้ง่ายขึ้น แถมยังเป็นอุปกรณ์ที่มีราคาประหยัดอีกด้วย ผู้บริโภคเพียงแค่เสียบต่อเซนเซอร์ราคาถูก ที่กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบนี้ ร่วมกับระบบสายไฟภายในบ้าน จากนั้นระบบจะวัดและรายงานปริมาณการใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้ในทันที ผู้บริโภคยังติดตั้งใช้งานเทคโนโลยีนี้ เพื่อวิเคราะห์อัตราการใช้พลังงานของอุปกรณ์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วทั้งบ้านได้ด้วย แนะนำวิธีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม กำหนดเป้าหมายการประหยัดพลังงาน และให้รางวัลแก่ผู้ที่ทำตามเป้าการประหยัดพลังงานได้อีกด้วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บ.อินเทล กล่าวด้วยว่า การทำงานควบคู่กันของอุปกรณ์ทั้งสองชนิด จะช่วยทำให้บ้านเรือนแต่ละหลังในสหรัฐฯ ประหยัดค่าไฟได้ 470 เหรียญสหรัฐฯ ต่อปี ถ้าหากนำไปใช้ในบ้านเรือน 113 ล้านหลังทั่วอเมริกา ค่าใช้จ่ายที่ประหยัดได้จะสูงกว่า 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี หรือแม้แต่ถ้ามีบ้านเรือนแค่ 1% ในอเมริกาใช้อุปกรณ์ดังกล่าว ก็จะช่วยลดปริมาณการใช้ถ่านหินได้ 371,000 ตันต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ได้ 2.4 ตันเมทริกซ์ตัน หรือเท่ากับการนำรถยนต์ 535,000 คันออกจากท้องถนน อย่างไรก็ตามเมื่อจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น โรงงานไฟฟ้าในท้องถิ่นก็จะได้รับผลกระทบมากขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากต้องนำไปชาร์ตไฟในช่วงเวลากลางคืน อินเทลกำลังมองหาวิธีการชาร์ตไฟแบบใหม่ เพื่อลดอักตราการใช้ไฟสูงในช่วงกลางคืน โดยหากทำสำเร็จจะไม่จำเป็นต้องขยายโรงงานไฟฟ้า และยังช่วยประหยัดเงินได้อย่างมหาศาล 

NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive