Tuesday, May 25, 2010

ไอซีทียกระดับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์สู่สากล

ไอซีทียกระดับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์สู่สากล

กระทรวงไอซีที เร่งผลักดันการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมดันเข้าสู่ภูมิภาคอื่น โดยจะหวังครอบคลุมในทุกภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น...เมื่อวันที่ 24 พ.ค. น.ส.ลัดดา แจ้งเกษมสุข ผู้อำนวยการสำนักธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า หลังจากกระทรวงฯ ได้เตรียมการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาคำขอจัดตั้งโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) การจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการธุรกรรมฯ ดังกล่าว จะช่วยส่งเสริมและพัฒนาระบบการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทยให้มีความเข้มแข็ง ได้มาตรฐาน รวมทั้งมีความมั่นคงปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งของภาครัฐและเอกชนมากขึ้น ส่งผลให้มูลค่าในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศเพิ่มสูงขึ้นน.ส.ลัดดา เชื่อว่า ในอนาคต การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์จะไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะตลาดภายในประเทศเท่านั้น แต่จะขยายไปในตลาดระดับอาเซียน เนื่องจากมีข้อตกลงการเปิดตลาดการค้าเสรีในกลุ่มประเทศอาเซียน หรืออาจจะขยายไปถึงตลาดในภูมิภาคอื่นๆ โดยจะครอบคลุมในทุกภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น เพราะผู้ประกอบการทุกภาคอุตสาหกรรมต่างเล็งเห็นช่องทางที่จะเข้ามาทำธุรกิจ แบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจที่มีความสะดวกรวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่าย โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของไทยขยายตัวสู่ตลาดต่างประเทศมากขึ้น ก็เพราะประเทศไทยมีความได้เปรียบทางด้านโลจิสติกส์ โดยโครงสร้างพื้นฐานของไทยนั้นมีศักยภาพทั้งทางด้านการขนส่ง การพัฒนาศักยภาพทางด้านการเงิน กำลังคนทางด้านไอซีทีและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องด้วยส่วนตลาดในประเทศนั้น การสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่นิยม รวมถึงไม่มั่นใจในการซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ต ขณะเดียวกัน ก็มีปัญหาที่ผู้ซื้อใช้ข้อมูลปลอมในการสั่งซื้อสินค้า หรือจองแล้วไม่ชำระเงินด้วย ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการเร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ความเข้าใจในการทำธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งออกกฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องที่สามารถบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อคุ้มครองทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคให้ได้รับบริการที่สะดวกรวดเร็ว ปลอดภัย ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าตลาดเพิ่มมากขึ้นได้ผู้อำนวยการสำนักธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานปลัดกระทรวงไอซีที กล่าวอีกว่า ภาครัฐได้ส่งเสริม สนับสนุน และอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งการดำเนินนโยบาย มาตรการ กลไกต่างๆ ให้ภาคเอกชนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ในการนำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้ ในการทำธุรกิจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีให้รองรับการค้าในเครือข่าย อิเล็กทรอนิกส์ เช่น การจัดตั้งระบบ National Root CA การวางมาตรฐานด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัย พร้อมกันนี้ยังมีการเร่งพัฒนาและปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายลำดับรองที่ออกภายใต้ พ.ร.บ.ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ การพัฒนาบุคลากรอย่างมีระบบและต่อเนื่อง โดยพัฒนากำลังคนและฝีมือแรงงานในสาขาต่างๆ ให้ตรงกับตลาดแรงงานและความต้องการนอกจากนั้น ยังจะส่งเสริมให้มีการสร้างความเข้าใจ โดยเร่งรณรงค์ให้องค์กรธุรกิจ ประชาชน และหน่วยงานของรัฐเข้าใจและเห็นโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการเปิดเสรีในกลุ่ม ประเทศอาเซียน ซึ่งจะช่วยทำให้การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างประเทศในด้านการเงิน หรือการซื้อขายสินค้าเพิ่มมากขึ้นได้ รวมทั้งยังมีการออกมาตรการกำกับดูแล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและผู้ประกอบการในการทำธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนมีการสนับสนุนการวิจัยพัฒนานวัตกรรมรวมถึงธุรกิจใหม่ๆ และการสร้างฐานข้อมูลองค์ความรู้ด้านธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อประโยชน์ ในการสั่งสมความรู้ด้านต่างๆ น.ส.ลัดดา กล่าวด้วยว่า แนวทางการดำเนินการต่างๆ ต้องใช้เวลางบประมาณ และบุคลากรในการผลักดันและดำเนินการ รวมทั้งต้องได้รับความร่วมมือและทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ และผู้ประกอบการ เพื่อเป้าหมายที่จะให้มีระบบ e-Commerce ของไทยที่เข้มแข็ง สามารถแข่งขันในเวทีระดับประเทศได้.


NEWSblank ข่าวออนไลน์
เรียนภาษาอังกฤษ | หอพัก | ดาวน์โหลด | vol6

No comments:

Post a Comment

Blog Archive