Sunday, February 17, 2013

วท.ตั้งเป้า3ปี ดันไทยศูนย์กลางอุตฯ พลาสติกชีวภาพในอาเซียน

วท.ตั้งเป้า3ปี ดันไทยศูนย์กลางอุตฯ พลาสติกชีวภาพในอาเซียน
“วรวัจน์  เอื้ออภิญญกุล” รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตั้งเป้า 3 ปี ดันไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพในอาเซียน ควบเร่งพัฒนาสิ่งแวดล้อม... นายวรวัจน์  เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) กล่าวว่า ภายหลังหารือร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช. และสมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพไทย ถึงแนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมดึงศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้สามารถก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ ภายใต้ห่วงโซ่มูลค่าการแปรรูปมันสำปะหลังด้วยนวัตกรรมพลาสติกชีวภาพ เพื่อทดแทนพลาสติกสังเคราะห์ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมใน 3 ด้าน ได้แก่ 1.เร่งพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชน 2.พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ 3.พัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมเชิงเศรษฐนิเวศ เพื่อการพัฒนาประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำรมว.วท. กล่าวต่อว่า สถานการณ์ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพในขณะนี้ สนช.ได้ริเริ่มและผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพให้เป็นอุตสาหกรรมคลื่นลูกใหม่ ตั้งแต่ปี 2547 โดยได้รับมอบหมายจากสำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดทำแผนที่นำทางแห่งชาติการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้าการเกษตร อย่างเช่น มันสำปะหลัง ให้สูงถึง 6 เท่า ซึ่งในการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาคที่ จ.อุตรดิตถ์ ทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้เสนอให้พิจารณามาตรการเร่งด่วน เพื่อผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพในภูมิภาคอาเซียน โดยมีข้อเสนอคือ การสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ในอัตราดอกเบี้ย 2% เป็นระยะเวลา 8 ปี ตลอดจนเร่งผลักดันและสนับสนุนโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพและชีวเคมี และการพิจารณาทบทวนและปรับมาตรการส่งเสริมด้านต่างๆ ตามแผนที่นำทางแห่งชาติฯ   ทั้งนี้ หากพิจารณาถึงกระบวนการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ ตลอดห่วงโซ่การผลิตนั้น ประเทศไทยถือว่ามีศักยภาพทั้งด้านอุตสาหกรรมต้นน้ำ ที่มีการผลิตวัตถุดิบแป้งและมันสำปะหลังจำนวนมากและเพียงพอ และด้านอุตสาหกรรมปลายน้ำที่มีโรงงานแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกมากกว่า 3,000 โรงงาน แต่ยังขาดส่วนสำคัญคือ อุตสาหกรรมกลางน้ำ คือการผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพ ซึ่งถ้าสามารถผลักดันให้เกิดการผลิตในประเทศไทย จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องและเกี่ยวข้อง นายวรวัจน์ กล่าวอีกว่า เพื่อให้เกิดการเพิ่มมูลค่าสินค้าการเกษตรของประเทศไทย ดังนั้น หากต้องการให้เกิดการพัฒนาอย่างครบวงจร ภาครัฐจำเป็นต้องเร่งส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ โดยต้องสร้างรูปแบบใหม่ในการสนับสนุนที่สามารถตอบคำถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างชัดเจน โดยมอบหมายให้สมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพไทย จัดทำข้อเสนอให้มีความชัดเจนในรูปแบบใหม่ของการสนับสนุนที่มีความชัดเจนจากภาครัฐ และควรจะมีการเชื่อมโยงใน 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง 2. รูปแบบการลงทุนที่ต้องการ 3. การตลาดที่เกี่ยวข้องกับพลาสติกชีวภาพ 4. อุตสาหกรรมต่อเนื่อง และ 5. สิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น การสร้างนิคมอุตสาหกรรม โครงสร้างทางภาษี ราคาวัตถุดิบ ทั้งนี้ อาจจะนำเสนอรูปแบบการดำเนินงานในลักษณะของอุทยานวิทยาศาสตร์ด้านพลาสติกชีวภาพที่มีนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะเกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันให้เกิดการสร้างเทคโนโลยีของประเทศไทยให้เกิดขึ้นได้รวดเร็วต่อไป.  

No comments:

Post a Comment

Blog Archive